นับเป็นอีกหนึ่งสีสันให้กับการเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ กับรถหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จ.ภูเก็ต ที่นำไอเดียรถแห่หนังเขียนมือมาเป็นแรงบันดาลใจ ผลิตออกมาเป็นป้ายหาเสียง ด้วยฝีแปรงของนักศึกษาศิลปะในท้องถิ่น
จะว่าจับพลัดจับผลูก็คงไม่ใช่ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความตั้งใจ ที่ทำให้ แฟรงค์-อภิรักษ์ ขุนอักษร นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิชาศิลปกรรมศาสตร์ ม.ราชภัฏภูเก็ต ได้รับโอกาสจากการแนะนำของอาจารย์ ให้ลองใช้ความสามารถในการวาดรูปเหมือน ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดป้ายหาเสียงครั้งนี้
อภิรักษ์ เล่าว่า นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาวาดภาพที่คล้ายกับ ป้ายโฆษณาหนังเขียนมือ (Cut-out) ที่จะถูกนำไปใช้ติดกับรถยนต์ แม้ในรายละเอียดการวาดจะเป็นแบบที่เขาคุ้นชิน แต่ด้วยวัตถุประสงค์ของงานที่ใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์ทางการเมือง เขาในฐานะศิลปินก็ต้องใช้เวลาในการทำการบ้าน
“ใช้อารมณ์ของตัวงานในการสื่อ อย่างครั้งนี้ใครมีบุคลิกยังไง จุดเด่นเขาอยู่ที่อะไรพอเป็นป้ายหาเสียง ‘ความมีพลัง’ ของเจ้าตัว เราต้องสื่อออกมาให้ได้” นั่นจึงออกมาเป็นงานดังที่ได้เห็นกัน
ทั้งนี้ ในฐานะนักศึกษาด้านศิลปะที่เติบโตมาใน จ.ภูเก็ต อภิรักษ์ให้ความเห็นว่า การส่งเสริมงานศิลปะในท้องถิ่นผ่านการประชาสัมพันธ์ คือวิธีหนึ่งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถช่วยเหลือศิลปินให้ยังคงผลิตผลงานออกมาได้ “เขา (ฐิติกันต์) สามารถพาเราไปให้ที่อื่นรู้จักได้ อย่างผมไม่เคยมีคนรู้จักมาก่อน แต่งานชิ้นนี้ก็เพิ่มโอกาสให้ผมในอนาคต”
คือผลงานศิลปะ หรือจะเป็นแค่ป้ายหาเสียง? คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีเท่า ฐิติกันต์ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จ.ภูเก็ต เขต 3 ที่เป็นเจ้าของไอเดียตั้งต้น ที่อยากนำศิลปะที่เคยได้รับความนิยมในอดีตกลับมาให้คนท้องที่ได้ชื่นชม ควบคู่กับความตั้งใจในการชูศักยภาพของพื้นที่ ที่พร้อมรองรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่างประเทศ
เล่าก่อนว่า การผลิตป้ายโฆษณาหนังแบบเขียนมือนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หวนนึกถึงวันวานของ จ.ภูเก็ต รวมถึงอีกหลายแห่งในภาคใต้เลยทีเดียว ก่อนที่โรงภาพยนตร์ยุคมัลติเพล็กซ์จะเข้ามา จนทำให้ศิลปินนักวาดหดหายตามไป จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีเสียงเรียกของชาวบ้านตลอดเส้นทางที่รถแห่คันนี้ขับผ่าน พร้อมรอยยิ้มของคนเฒ่าคนแก่ที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกับศิลปะเช่นนี้
ฐิติกันต์ เล่าว่า ย้อนไปช่วงที่มีโควิด-19 ธุรกิจท่องเที่ยวที่เคยสร้างรายได้ให้จังหวัดซบเซาหนัก ก่อนจะเริ่มลืมตาได้เมื่อมีธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ที่เข้ามาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ นั่นจึงยิ่งทำให้ให้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่ควรจะควบคู่ไปด้วย จึงกลายเป็นไอเดียตั้งต้นของการทำป้ายหาเสียงเป็นรถแห่หนัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดให้ผู้พบเห็น
ข้อมูลพบว่าในปี 2565 มีการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในบ้านเราถึง 348 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท ซึ่งจ. ภูเก็ตก็ติด 5 อันดับแรก ที่กองถ่ายทำเลือกใช้อีกด้วย
“มีเด็กภูเก็ตที่มีศักยภาพและอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงในกรุงเทพฯ เยอะมากนะครับ ศิลปินในจังหวัดก็เยอะ ถ้าแต่ละพรรคสนับสนุนให้พวกเขามีโอกาสแสดงฝีมือในจังหวัดได้แบบเป็นรูปธรรมคงจะดีมาก”
ไม่ว่าในท้ายสุดการลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ของ ฐิติกันต์ จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ แต่ดูเหมือนเขาได้เติมเชื้อไฟให้กับอนาคตผลผลิตในแวดวงศิลปะคนหนึ่งเข้าให้แล้ว