ประเด็นเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้ (7 พฤษภาคม) ยังคงดุเดือด เพราะกระบวนการเลือกตั้งที่จัดการโดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกิดปัญหามากมาย จนประชาชนต่างแสดงถึงความไม่พอใจ เพราะทุกคนกลัวว่าเสียงของตนเองจะเสียเปล่า จนบางคนออกมาตั้งคำถามว่า มีวิธีการเลือกตั้งอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้อีกไหม ดังนั้น เราจะมายกตัวอย่างวิธีการเลือกตั้งในรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงการโหวตลงกระดาษ
เริ่มที่ ระบบการลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-voting) คือ การลงคะแนนที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการลงคะแนนหรือการนับคะแนน อาทิ หน่วยเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งต่างเปลี่ยนมาใช้เครื่องสแกนเพื่อนับบัตรเลือกตั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกตั้งในลักษณะนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนว่าเหมาะสมกับประเทศของเราหรือไม่
1. เริ่มต้นที่ข้อดีของ E-voting ได้แก่
– ความรวดเร็ว เพราะการลงคะแนนด้วยวิธีนี้จะไหลลื่นมากกว่าการใช้กระดาษ โดยทุกหน่วยเลือกตั้งจะรายงานผลคะแนนของตนและรวมคะแนนทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยวิธี E-voting ทำให้สามารถรู้ผลลัพธ์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแทนที่จะเป็นวัน
– มีความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว เพราะการใช้ระบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะการลงคะแนนด้วยกระดาษ จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะมนุษย์ เพื่อนับและส่งคะแนนเสียง
ถึงแม้ว่า การเลือกตั้งด้วยวิธี E-voting จะมีข้อดีมากมายที่ดูสะดวกสบาย แต่การใช้วิธีนี้ยังมีข้อเสียที่ต้องพิจารณาอยู่เหมือนกัน ได้แก่
– การเจาะข้อมูลการเลือกตั้งโดยเหล่าแฮ็กเกอร์ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงอาจจะส่งผลกระทบอย่างมาก เช่น อาจเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
2. ระบบลงคะแนนออนไลน์ (Online Voting Systems) คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้คนสามารถลงคะแนนเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจผ่านทางเว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยเริ่มจากการเข้าสู่ระบบ โดยใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเฉพาะของตน จากนั้นก็เลือกพรรคหรือผู้สมัคร
อย่างไรก็ดี วิธีการเลือกตั้งในลักษณะนี้ ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน ซึ่งข้อดีของระบบการลงคะแนนออนไลน์ เช่น
– ช่วยประหยัดเวลาและภาษี เพราะไม่ต้องใช้บัตรลงคะแนนแบบกระดาษ และการใช้เงินไปกับทรัพยากรคนที่ต้องทำหน้าที่บริการหรือนับคะแนนในคูหา
– แนวโน้มที่ระบบจะแม่นยำกว่าระบบที่ใช้กระดาษแบบเดิม เพราะคะแนนโหวตจะถูกนับโดยอัตโนมัติ ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดน้อยถ้าเทียบกับมนุษย์
– เพิ่มจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากระบบดังกล่าวช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ลงคะแนนเสียง มากกว่าไปใช้สิทธิที่สถานที่เลือกตั้ง
ทั้งนี้ ระบบลงคะแนนออนไลน์ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือ
– ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการเลือกตั้ง เพราะหลายคนคิดว่า ระบบนี้ไม่ปลอดภัยเท่ากับระบบที่ใช้กระดาษแบบดั้งเดิม เนื่องจากมีโอกาสที่จะถูกแฮ็กข้อมูล
– ขาดความโปร่งใส เพราะผู้ลงคะแนนสามารถเห็นการลงคะแนนของผู้อื่นได้ โดยเฉพาะคนใกล้ชิด
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ถึงแม้การลงคะแนนด้วยวิธี E-voting หรือ ระบบลงคะแนนออนไลน์ อาจจะดูคุ้มค่าและสะดวกกว่า แต่วิธีเหล่านี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่มาก ดังนั้น มีหลายความคิดเห็นกล่าวว่า ทางออกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นการผสมผสานวิธีการแบบดั้งเดิมเข้ากับวิธีการแบบดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้สิทธิได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากวิธีการทั้งสองรูปแบบ
อาทิ หน่วยเลือกตั้งบางแห่งอาจใช้เครื่องสแกนในการอ่านบัตรลงคะแนนแทนการใช้คนนับคะแนน หรือผู้คนที่อยู่ต่างประเทศและไม่สามารถกลับมาลงคะแนนเสียงได้ ก็อาจจะให้พวกเขาใช้ระบบออนไลน์ในการใช้สิทธิ ซึ่งจะช่วยลดการตกหล่นและยังลดต้นทุนอีกด้วย
ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าวิธีไหนดีที่สุด เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือองค์กรที่จัดการเลือกตั้งต้องมีความโปร่งใสก่อน เช่น เปิดเผยผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์
ไม่เพียงเท่านี้ หลายคนในประเทศไทยเริ่มออกมากล่าวถึงระบบการเลือกตั้งวิธีอื่นๆ ตามที่กล่าวไปข้างต้น เพราะหลังจากการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้ ที่เกิดปัญหาขึ้นมากมาย โดยมีหลายคนระบุว่า เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งเพื่อลดอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ก็มีผู้คนบางส่วนแย้งว่า ถ้าเป็นระบบที่ผสมผสานกันน่าจะเหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า อย่างใช้เครื่องกดโหวต แล้วออกมาเป็นใบคะแนน เพื่อให้เจ้าหน้าที่นับผลคะแนนอีกที เพราะคิดว่าถ้าใช้ระบบออนไลน์ทั้งหมดอาจจะเกิดการแฮ็กขึ้นได้
อ้างอิงจาก