สังคมจีนกำลังถกเถียงถึงประโยค ‘เกาะพ่อแม่กิน’ หลังจากหญิงสาวชาวจีนวัย 40 ปีรายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า เธอลาออกจากงานประจำเพื่อกลับมาเป็น ‘ลูกสาวเต็มเวลา’ และรับเงินเดือนจากพ่อแม่
เนียหนานทำงานในวงการเอเจนซี่โฆษณามานานกว่า 16 ปี แต่ด้วยความเครียด แรงกดดัน และเส้นแบ่งของชีวิตการงานที่มีปัญหา (มีคนโทรหาเธอตลอด 24 ชม.) ทำให้พ่อแม่ของเธอถามเธอว่า “ทำไมลูกไม่ลาออกเสียล่ะ? เรื่องเงินพวกเราจะดูแลเอง”
หลังจากนั้น เนียหนานจึงตัดสินใจยื่นใบลาออก และกลับมารับตำแหน่ง ‘ลูกสาวเต็มเวลา’ เหมือนครั้งยังเด็กทันที
เนียหนานอธิบายหน้าที่ของเธอว่ามันคือ “การงานที่ห้อมล้อมด้วยความรัก” โดยในทุกเช้า เธอจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงไปกับการเต้นรำกับพ่อแม่ หรือพาทั้งคู่ไปเดินตลาด ขณะที่ในช่วงบ่าย เธอจะเข้าครัวทำอาหารร่วมกับพ่อของเธอ นอกจากนี้ เนียหนานยังมีหน้าที่จัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด, เป็นคนขับรถ และต้องวางแผนทริปครอบครัวเดือนละ 1-2 ครั้ง
ถึงแม้พ่อแม่ของเนียหนานจะตกลงจ่ายให้เธอเดือนละ 4,000 หยวน (ประมาณ 19,500 บาท) แต่เนียหนานยังยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่หนักใจเธอที่สุดคือ ความต้องการรายได้ที่สูงขึ้น
แนวคิด “ลูกสาวเต็มเวลา” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของชาวจีนยุคใหม่ ที่เหน็ดเหนื่อยจากแรงกดดันในตลาดแรงงาน และความน่าเบื่อของวัฏจักร ‘996’ หรือทำงาน 9.00 – 21.00 น. เป็นเวลา 6 วัน/ สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางส่วนของจีนมองว่าสิ่งที่เนียหนานทำ ไม่ต่างจาก ‘ken lao’ หรือแปลว่าการ ‘เกาะพ่อแม่กิน’ ขณะที่บางส่วนมองว่านี่ไม่ต่างจาการกดทับสตรีจากภาวะชายเป็นใหญ่ในครอบครัว ที่ภรรยาต้องกลายเป็น ‘แม่บ้านเต็มเวลา’ ให้กับสามีและลูก
แต่บางส่วนกลับยอมรับและมองว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมจีน
“ถ้าทั้งพ่อ แม่ และลูกของพวกเขามีความสุข ทำไมจะต้องปฏิเสธล่ะ?” คอมเมนต์เขียนต่อว่า “ถ้าบางคนคิดว่านี่คือการเกาะพ่อแม่กิน ทำไมไม่ให้เธอไปดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวอื่นด้วยล่ะ?”
ขณะที่สังคมไทยเคลื่อนสู่สังคมสูงวัยเต็มตัว คนกลุ่มนี้จำนวนมากอยู่ในภาวะต้องการการพึ่งพิงทั้งทางรายได้และการดูแลปรนนิบัติ ขณะที่ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติในปี 2564 ชี้ว่า ไทยมีผู้สูงอายุทั้งหมด 13.8 ล้านคน มี 12% ที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง และอีก 21.1% อาศัยอยู่กันแค่สองคนสามีภรรยา
อ้างอิงจาก:
https://www.nso.go.th/sites/2014en/Survey/social/domographic/OlderPersons/2021/fullreport_64.pdf