นับเป็นประเด็นน่าติดตามไม่น้อย หลังจากที่ เฉิน แบคฮยอน และซิ่วหมินศิลปินเกาหลีจากวง EXO ที่ยื่นฟ้องต้นสังกัดอย่าง บริษัท SM Entertainment เรื่องสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ก่อนอื่น ขอเล่าย้อนก่อนว่าเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน อีแจฮัก ทนายความซึงเป็นตัวแทนด้านกฎหมายของเฉิน แบคฮยอน และซิ่วหมินออกมาเปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นถึงสาเหตุการยื่นฟ้องค่ายต้นสังกัดว่า
1. ตัวแทนได้ส่งคำร้องไปที่ต้นสังกัดตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาเพื่อขอรายละเอียดค่าจ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง แม้จะส่งไปแล้วถึง 7 ครั้งก็ตาม
อย่างไรก็ดี ทางทนายความยังระบุอีกว่า ศิลปินมีสิทธิที่จะขอรายละเอียดค่าจ้างตามตามกฎหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมศิลปะและวัฒนธรรมประชาชน (Popular Culture and Arts Industry Development Act) หรือกฎหมายคุ้มครองศิลปิน
2. ต้นสังกัดกดขี่ศิลปินโดยการบังคับให้ ให้พวกเขาเซ็นสัญญาด้วยเงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล โดยใช้สถานะที่เหนือกว่าของบริษัทเพื่อควบคุม ผ่านการพยายามบังคับให้ทั้ง 3 ต่อสัญญาอย่างน้อย 17-18 ปี ซึ่งในอดีต SM เคยให้ศิลปินหลายคนเซ็นสัญญาระยะยาวมากกว่า 12-13 ปี แต่ค่ายมองว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่เพียงพอ และต้องการยืดอายุสัญญาข้างต้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คำแถลงที่อ้างถึงกฎของคณะกรรมาธิการการค้าที่เป็นธรรมซึ่งกำหนดว่าสัญญาระหว่างหน่วยงานและศิลปินต้องไม่เกิน 7 ปี ซึ่ง 12-13 ปีในสัญญาเดิมนานเกินไปและเกินระดับที่สมเหตุสมผล
เมื่อพิจารณาถึงปีที่ศิลปินจำนวนมากใช้เวลาเป็นผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ค่ายเพลงก่อนเดบิวต์อย่างเป็นทางการ ศิลปินมักจะรู้สึกว่าพวกเขาถูกบังคับให้ลงนามใน ‘สัญญาทาส’ ซึ่งครอบคลุมเกือบ 20 ปี
คำว่า ‘สัญญาทาส’ ทนายความอธิบายต่อมาว่า หากศิลปินไม่สามารถออกอัลบั้มออกมาได้เท่ากับจำนวนที่ตั้งเอาไว้ ทางบริษัทมีสิทธิ์ที่จะสัญญาของศิลปินยาวออกไปได้อัตโนมัติ แต่สามารถต่อสัญญาออกไปได้อีกเรื่อยๆ อย่างไม่จำกัด จนกว่าศิลปินจะมีจำนวนอัลบั้มตามที่ตั้งเอาไว้แต่แรก นั่นทำให้ศิลปินบางคนถูกต่อสัญญาออกไปยาวนานกว่าเดิมถึง จาก 6-7 ปีเป็น 12-13 ปีจนเรียกว่าเป็นสัญญาทาส นอกจากนี้ระยะเวลาที่ถูกต่อสัญญาออกไปในกรณีแบบนี้ ศิลปินจะไม่ได้รับรายได้ใดๆ ด้วย
ทนายความยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ได้มีเพียงแค่แบคฮยอน เฉิน และซิ่วหมินเท่านั้นที่ตกอยู่ในสัญญาไม่เป็นธรรมดังกล่าว แต่ยังรวมไปถึงศิลปินคนอื่นๆ ในค่าย SM อีกด้วย
“ศิลปินจึงอยากบอกถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ที่ไม่สามารถพูดได้มาตลอด เพราะมีบทบาทและหน้าที่ค้ำคอ” คำแถลงระบุ
เมื่อที่ปรึกษาด้านกฎหมายของเฉิน แบคฮยอน ซิ่วออกแถลงการณ์ดังกล่าว ทางด้านค่ายต้นสังกัดก็ออกแถลงในวันเดียวกันนั้นว่า มีกลุ่มคนภายนอกเข้ามาล่อลวง ให้ข้อมูลเท็จ หมิ่นประมาท และใส่ร้ายบริษัท รวมถึงบีบบังคับให้ศิลปินละเมิดสัญญากับทางบริษัท
“พวกเขาจงใจกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการกระจายข้อมูลเท็จ และข่าวลือที่มุ่งใส่ร้ายเพื่อล่อลวงศิลปินของพวกเราให้ยุติสัญญา และเซ็นสัญญากับพวกเขา”
นอกจากนั้น SM ยังเปิดเผยว่า สมาชิก EXO ทั้ง 7 ต่อสัญญากับพวกเขาในเดือนธันวาคม 2022 และมีการเจรจาถึง 8 ครั้งด้วยกัน โดยการต่อสัญญาแต่ละครั้งมักแตกต่างกันไป เพราะสมาชิกแต่ละคนมีช่วงเวลาในการเข้ากรมที่แตกต่างกัน
ในช่วงเวลานั้น ทางแฟนคลับของวง EXO อย่าง EXO-L หลายคนก็ร่วมออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้กำลังใจสมาชิกทั้ง 3 ผ่าน #난_엑소말만_믿어 (ฉันเชื่อมั่นใน EXO เท่านั้น) #위아원_엑소_사랑하자 ( We Are One EXO ซารางฮาจา: สโลแกนของวงที่ระบุว่า เราคือหนึ่งเดียวกัน EXO มารักกันเถอะ) #우린_계속_이자리에 (เราจะอยู่ตรงนี้ (กับเอ็กโซ) ต่อไป) #내청춘_내가지킨다 (วัยเยาว์ของฉัน ฉันจะปกป้องเธอเอง) เป็นต้น
ต่อมา SM ก็ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ว่าศิลปินในค่ายสามารถดูข้อมูลรายรับรายได้ของตนเองได้ทุกเมื่อ แต่การเรียกร้องของหลักฐานเป็นกระดาษอาจเป็นการถูก ‘ล่อลวง’ ให้ขอจากกลุ่มคนภายนอก และระหว่างที่พูดคุยเพื่อต่อสัญญาเป็นศิลปินกันก่อนหน้านี้ แบคฮยอน ซิ่วหมิน และเฉินไม่ได้พูดถึงการเรียกขอดูเอกสารรายรับรายจ่ายของตัวเองเลย นอกจากนี้ทั้งสามคนยังต่อสัญญากับทางบริษัทด้วยความเต็มใจอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ทางค่ายต้นสังกัดอย่าง SM Entertainment ก็ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับสมาชิก EXO ทั้ง 3 ระบุว่าได้ปรับความเข้าใจกัน ทั้งยังมีการแก้ไขสัญญาบางส่วน และทั้ง 3 จะยังคงกิจกรรมวง EXO ต่อไป โดยมีใจความสรุปดังนี้
1. ทางค่ายและศิลปินทั้ง 3 จะยังรักษาความสัมพันธ์ตามสัญญากับศิลปินทั้งสามคน ผ่านการเจรจาและแก้ไขบางอย่าง และจะแอคทีฟการดำเนินกิจกรรมของ EXO ให้ต่อเนื่องมากขึ้น
2. มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแทรกแซงของบุคคลที่สาม SM จึงขอใช้โอกาสนี้ ขอโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงจาก