เชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบดีว่านับตั้งแต่ตาลีบันกลับคืนสู่อำนาจเมื่อปี 2021 สิทธิของผู้หญิงอัฟกานิสถานก็ถูกลิดรอนอย่างหนักตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุดผู้นำสูงสุดของตาลีบันกลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป โดยให้คำมั่นสัญญาว่า ผู้หญิงอัฟกานิสถานจะถูกปฏิบัติอย่างมนุษย์ที่มีอิสระและมีศักดิ์ศรี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ซึ่งปรากฏการณ์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกเป็นอย่างมาก
เมื่อไม่นานมานี้ ฮาอิบาตูลลาห์ อัคฮุนจาดา (Haibatullah Akhunzada) ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตาลีบัน เผยแพร่ข้อความที่อ้างว่า รัฐบาลของเขากำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้ผู้หญิงในอัฟกานิสถานมีชีวิตที่ดีขึ้นตามชารีอะห์หรือระบบยุติธรรมของศาสนาอิสลาม
“เรากำลังฟื้นฟูสถานะของผู้หญิงในฐานะมนุษย์ที่มีอิสระและศักดิ์ศรี โดยจะให้หลุดพ้นจาก ‘การกดขี่แบบดั้งเดิม’ เช่น การบังคับแต่งงานหรือการบังคับใส่ฮิญาบ ดังนั้นการเลือกปฏิบัติจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า”
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมารัฐบาลตาลีบันสั่งห้ามเด็กผู้หญิงและผู้หญิงเข้าเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย และห้ามเข้าสวนสาธารณะ โรงยิม และโรงอาบน้ำสาธารณะ อีกทั้งยังสั่งให้พวกเธอต้องปกปิดร่างกายเมื่อออกจากบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ ยังห้ามไม่ให้ทำงานให้กับองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) หรือองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) แต่พนักงานหญิงส่วนใหญ่ที่ทำงานกับรัฐ ก่อนที่ตาลีบันจะเข้ามามีอำนาจกลับถูกเลิกจ้าง
ทั้งนี้ การออกมาแถลงการณ์ของผู้นำสูงสุดตาลีบันในครั้งนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากคำเตือนจาก UN ว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงจะยิ่งทำให้การยอมรับรัฐบาลตาลีบันจากประชาชนแทบจะเป็นไปไม่ได้
“ฉันพูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับผลกระทบที่รัฐบาลตาลีบันจะได้รับจากการกระทำของพวกเขา ซึ่งก็คือการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง” โรซา โอตุนบาเยวา (Roza Otunbayeva) ทูต UN ประจำประเทศอัฟกานิสถาน กล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
เธอระบุต่อว่า “เราได้แจ้งกับพวกเขาไปแล้วว่าถ้ายังมีกฎหมายเหล่านี้อยู่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่รัฐบาลตาลีบันจะได้รับการยอมรับจากนานาชาติและประชาชนของตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม อัคฮุนจาดา ผู้นำสูงสุดของตาลีบัน ยังย้ำให้ประเทศอื่นๆ หยุดแทรกแซงกิจการภายในของอัฟกานิสถาน โดยเขากล่าวว่า พวกเราต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ดีกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
อ้างอิงจาก