ในโลกปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปแล้วก็ว่าได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ออกคำสั่งห้ามให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เข้าห้องเรียนเป็นอันขาด เพื่อให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กระทรวงศึกษาธิการของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า “เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจในการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม นักเรียนสามารถใช้สื่อเหล่านี้ได้อยู่หากมีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น ใช้ตอนเรียนเกี่ยวกับทักษะดิจิทัล หรือทางการแพทย์”
อย่างไรก็ดี กฎเกณฑ์นี้จะถูกบังคับใช้อย่างจริงจังในต้นปีหน้า ซึ่งอุปกรณ์ที่ถูกห้ามใช้ ไม่ได้มีเพียงโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ยังมีแท็บเล็ตและสมาร์ทวอทช์ “ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น” ร็อบเบิร์ต ไดจ์กราฟ (Robbert Dijkgraaf) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการกล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า “แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะเกี่ยวพันกับชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในห้องเรียน”
“นักเรียนจำเป็นต้องมีสมาธิในการเรียนรู้ ซึ่งโทรศัพท์มือถือเป็นถือเป็นตัวก่อกวนอันดับต้นๆ โดยการอ้างอิงจากผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราต้องปกป้องนักเรียนจากสิ่งนี้” ทั้งนี้ การแบนดังกล่าวเป็นผลมาจากข้อตกลงระหว่างทั้งกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นๆ อีก เช่น อังกฤษ ที่มีการใช้ข้อบังคับห้ามให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาภายในห้องเรียนตั้งแต่ 1-2 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนมีสมาธิในการจดจ่อต่อการเรียนมากขึ้น เพราะไม่ต้องคอยพะวงเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือของตน
ไม่เพียงเท่านี้ นักวิจัยพบว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนมีความเชื่อมโยงกับปัญหาการกลั่นแกล้งกันบนโลกอินเทอร์เน็ต (Cyberbullying) ที่จะมีการแชร์ภาพและคลิปที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมภายในโรงเรียน เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีรายงานว่า นักเรียนหลายคนตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยโทรศัพท์มือถือเป็นตัวกลางสำคัญทั้งการล่อลวง บันทึก และเผื่อแพร่
อย่างไรก็ตาม กอฟฟ์ บาร์ตัน (Geoff Barton) หัวหน้าสหภาพโรงเรียน ASCL กลับเห็นว่า กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาของโทรศัพท์มือถือมากเกินไป โดยเขาให้เหตุผลว่า “จริงๆ แล้วพวกเขาควรที่จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมนโยบายทางด้านการศึกษามากกว่า โดยเฉพาะการให้นักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน”
อ้างอิงจาก