วันนี้ (22 สิงหาคม) ก่อนการอภิปรายพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมรัฐสภาได้อภิปรายการเสนอญัตติทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ห้ามเสนอชื่อโหวตนายกฯ ซ้ำ เนื่องจากเป็นญัตติที่ตกไปแล้ว ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41
ในการอภิปราย ‘ธีรัจชัย พันธุมาศ’ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงประธานรัฐสภา ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หรือ ‘วันนอร์’ ว่าผิดข้อบังคับฯ ข้อที่ 5 ที่ระบุว่า ประธานต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งวันนอร์ชี้ว่า เป็นการประท้วงซ้ำกับ ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ได้ประท้วงไปก่อนหน้านี้
แต่ธีรัจชัยระบุว่า เหตุผลไม่เหมือนกัน โดยอธิบายว่า “ในส่วนที่ผมประท้วงที่ไม่เป็นกลางนั้น มันสืบเนื่องจากท่านปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ต้น อันเป็นที่มาของญัตติตามข้อบังคับข้อที่ 41 และข้อบังคับข้อที่ 151 ที่บอกว่า การเสนอญัตติซ้อนไม่ได้ เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ได้
“กรณีอย่างนี้มันมีร่องรอยตั้งแต่ในส่วนของการประชุมวิปรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม 2566 นั่นก็คือ มีบอกว่า ก่อนเริ่มพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภาจะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อหารือดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติร่วมกันให้ถือเป็นความรับผิดชอบของที่ประชุมเป็นผู้พิจารณาและลงมติต่อไป
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชุมวิป และเป็นเรื่องที่มีการตกลงโดยเสียงข้างมาก และท่านประธานไม่ได้โต้แย้งเลย ความจริงเรื่องนี้ถ้าเกิดท่านประธานใช้อำนาจไม่ให้มีการตั้งเป็นญัตติขึ้นมาเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นครับ การลงมติที่อาจารย์ทั้งหมด 151 คนที่บอกว่ามันทำให้ข้อบังคับใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญจะไม่เกิดขึ้น
“นั่นคือท่านประธานมี 2 กรณีเท่านั้น อันแรกคือ ท่านประธานไม่กล้าที่จะใช้อำนาจประธานสภาฯ ในการตัดสินในหลักการที่ถูกต้อง สองคือ ท่านรู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก เนื่องจากเสียงข้างมาก คือ วุฒิสภา 250 บวกกับ 188 โหวตยังไงก็ไม่มีทางชนะได้”
เรื่องนี้ทำให้วันนอร์ ปิดไมค์ของธีรัจชัย พร้อมระบุ ให้ถอนคำว่า รู้เห็นเป็นใจ “กล่าวหาอย่างแรงๆ ว่า ผมรู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก ผมไม่รู้เลยว่าเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร” เขาอธิบายว่า วันนั้นก่อนจะลงมติก็ไม่มีใครคัดค้าน จนกระทั่งอภิปรายหมดคนอภิปรายไปแล้วก็ลงมติไม่มีใครประท้วงเลย “ผมไม่รู้ว่าเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร”
“ด้วยความสัจจริง ผมไม่รู้เลยว่าเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร ผมยังนึกด้วยว่าเสียงข้างมากจะไม่เห็นด้วยด้วยซ้ำไป” วันนอร์กล่าวย้ำ
กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างธีรัจชัยและวันนอร์ ซึ่งวันนอร์ได้สั่งให้ธีรัจชัยนั่งลง หรือมิฉะนั้นต้องถอนคำกล่าวหา “นั่งลงครับ ไม่เดี๋ยวละครับ! นั่งลง! จะนั่งลงมั้ย จะนั่งลงหรือเปล่า คุณกล่าวหาคุณไม่ถอนไม่ได้ครับ คุณถอนก่อนก็ไม่ต้องนั่ง แต่ถ้าคุณไม่ถอนผมให้นั่ง”
สุดท้ายธีรัจชัยยอมถอน แต่ระบุว่า ไม่ได้เป็นการกล่าวหา ส่วนการชงให้ทบทวนมติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม วันนอร์ใช้อำนาจของประธานรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ประกอบกับข้อบังคับฯ ข้อที่ 5 และ 151 ไม่สมควรให้มีการทบทวน