วันนี้ (22 สิงหาคม) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สภ.คลองหลวง นิด—จิราภรณ์ บุษปะเกศ ประชาชนชาวนนทบุรีวัย 74 ปี เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
การแจ้งความในคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และพวกได้เข้าแจ้งความจิราภรณ์ โดยกล่าวหาว่าเธอขึ้นปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุม ‘THE RETURN OF THAMMASAT ธรรมศาสตร์จะไม่ทน’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ระบุพฤติการณ์แห่งคดีว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมมีการจัดการชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทน เพื่อทวงคืนอำนาจให้แก่ประชาชน แสดงจุดยืนต่อ 8 พรรคการเมือง [ 8 พรรคการเมืองที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล] และไม่เอา สว. ที่หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จิราภรณ์ ขึ้นปราศรัยบนเวที ชู 3 นิ้ว และกล่าวปราศรัยในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นในทำนองว่า ‘ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องการให้กษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย’ วิพากษ์วิจารณ์การทำรัฐประหารในประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาแล้วถึง 13 ครั้ง รวมทั้งปัญหาการสนับสนุนและรับรองการรัฐประหาร
จากการขึ้นปราศรัยในครั้งนั้น อานนท์และพวกที่เข้าแจ้งข้อกล่าวหาก็เห็นว่า จิราภรณ์มีเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน นั่นคือ รัชกาลที่ 10 ทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเข้าใจผิดว่าถ้อยคำปราศรัยเป็นความจริง อีกทั้งภาพเคลื่อนไหวและถ้อยคำปราศรัยของเธอก็ยังถูกนำไปเผยแพร่ทางสื่อโซเซียลออนไลน์ด้วย
ทางพนักงานสอบสวนจึงแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาแก่จิราภรณ์ ได้แก่ ‘หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ’ ตามมาตรา 112 และ ‘นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร’ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (3) โดยไม่ได้ระบุว่าจิราภรณ์นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อย่างไร
อย่างไรก็ตาม จิราภรณ์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วัน ก่อนจะนัดหมายให้ไปรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 25 กันยายน แล้วก็ปล่อยตัวจิราภรณ์กลับไป
ทั้งนี้จิราภรณ์ยังได้ให้ข้อมูล ว่าเธอรู้จักข้อกฎหมายมาตรา 112 นี้ “ม.112 มันเป็นคดีที่ร้ายแรง มีโทษจำคุก 3-15 ปี แต่ก่อนป้าเคยไปเยี่ยมคุณสมยศ คุณอานนท์ เคยเข้าเยี่ยมคนที่โดน ม.112 หลายคนก่อน มาตรานี้มันไม่เป็นธรรม เป็นกฎหมายที่ประชาชนไม่มีทางต่อสู้ชนะ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเหรอความจริง แม้จะเป็นความคิดเห็นของคนก็พูดไม่ได้เลยเหรอ”
จิราภรณ์ยังกล่าวอีกว่า “วันนั้นมีการชุมนุมที่ มธ. ป้าขึ้นไปพูดเพราะอยากได้หนังสือ วันนั้นจำได้ว่าประเด็นสำคัญที่พูดคือ การรัฐประหารของทหาร แต่มาแจ้งความกันแบบนี้มันป่าเถื่อนเกินไป นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องแก้ไขมาตรา 112 เพราะนับวันยิ่งถอยหลังไปกันใหญ่ เหมือนเดินย้อนกลับไปในยุคต้นรัตนโกสินทร์ ที่มองหน้ากษัตริย์ไม่ได้ มองแล้วประชาชนจะโดนตัดหัว …”
“แต่ยุคนี้เป็นยุคประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพที่จะพูดได้ เราพูดแสดงความคิดเห็นด้วยเหตุและผล” จิราภรณ์กล่าว
อ้างอิงจาก