วันนี้ (24 สิงหาคม) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุ ศาลอาญาพิพากษาให้ เก็ท—โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมจากกลุ่ม ‘โมกหลวงริมน้ำ’ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม ‘ทัวร์มูล่าผัว’ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565
โดยศาลเห็นว่า “จำเลย (โสภณ) เอ่ยพระนามพระราชินีสุทิดา กล่าวโดยมีเจตนามุ่งหมายถึง ร.10 และพระราชินี ทำให้ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง”
อีกทั้งศาลยังลงโทษในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ซึ่งโดยปกติ ข้อหาใช้เครื่องเสียง กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 200 บาท แต่ศาลกลับลงโทษจำคุกถึง 6 เดือน ทำให้โสภณ มีโทษจำคุกรวม 3 ปี 6 เดือน และตอนนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันตัวในชั้นอุทธรณ์
กิจกรรมทัวร์มูล่าผัว จัดขึ้นในวาระครบรอบ 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ โดยกลุ่ม ‘มังกรปฏิวัติ’ ที่จัดทริปเที่ยวหนึ่งวันตามสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ (ฝ่ายซ้าย) และไหว้พระ ทำบุญ ขอพร ขอผัว ขอเมีย กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่ต่อมา กิจกรรมดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวสกัดกั้น ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเดินขบวนไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ ตามที่วางแผนไว้ได้ และเกิดเหตุการณ์ใช้กำลังผลักดันกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม จนมีผู้ชุมนุมคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ
โสภณจึงปราศรัยผ่านโทรโข่งขนาดเล็ก จากเกาะกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวพาดพิงถึงการไปทำบุญของพระราชินีสุทิดา และว่ากล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ในวันที่ 24 เมษายน 2565 อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ โดยกล่าวหาว่า “โสภณกล่าวถ้อยคำที่ไม่สุภาพและไม่สมควร แสดงให้เห็นถึงเจตนาของผู้ต้องหาที่ต้องการลดคุณค่าของสมเด็จพระราชินีสุทิดาฯ อันเป็นการดูถูกเหยียดหยาม เป็นการใส่ร้ายทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกเกลียดชัง ซึ่งถือเป็นการดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี”
ในชั้นจับกุม โสภณได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รวมถึงไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม และถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลากว่า 30 วัน ก่อนได้รับการประกันตัว เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 พร้อมถูกศาลตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอกเคหสถานตลอด 24 ชั่วโมง
อ้างอิงจาก