ยอดความสำเร็จหรือต่อยอดซากปรักหักพัง?
ในการแถลงนโยบายวันนี้ (11 กันยายน) สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.จากพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายถึงนโยบาย การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยตั้งคำถามว่า นายกฯ กำลังต่อยอดความสำเร็จหรือต่อยอดซากปรักหักพัง?
สิทธิพลระบุว่า รัฐบาลชุดก่อน ตั้งเป้าหมายการเติบโตในเขตเศรษฐกิจใหม่เอาไว้ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งยังเรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะวิกฤต แล้วในสถานะโครงการที่กำลังวิกฤตนี้ รัฐบาลชุดใหม่กำลังต่อยอดอะไรแล้วต่อยอดไปสู่อะไร ตอนนี้รัฐบาลกำลังต่อยอดไปถูกที่ถูกทางหรือเปล่า
อีกทั้ง ถ้าหากไปดูอัตราการว่างงาน ก็จะพบว่า มีอัตราการว่างงานจำนวนมาก ภาคเอกชนบอกจะถึงทางตัน รวมไปถึงแล้วนักลงทุนก็ไม่อยู่ลงทุนต่อ
สิทธิพลยังตั้งคำถามต่อไปว่า กำลังต่อยอดการทำลายการแย่งชิงทรัพยากรหรือเปล่า? เพราะถ้าดูตัวเลขของจังหวัดที่ลักลอบทิ้งของเสียมากที่สุด คือระยอง ชลบุรี ซึ่งทั้งสองที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจ EEC ซึ่งมันสะท้อนว่าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ได้มีการเตรียมรับมือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอ
รวมไปถึง ถ้าพิจารณาศักยภาพในการกำจัดขยะ ก็ยังพบอีกว่า ระยองมีขยะติดเชื้อวันละ 10-12 ตันแต่มีที่กำจัดขยะรองรับได้เพียง 3.6 ตัน นั่นหมายความว่าแต่ละวันระยองมีขยะพิษท่วมเมือง เกิดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนระยะยาว
นอกจากนี้ในเขตเศรษฐกิจดังกล่าวก็ยังประสบภาวะขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน EEC ที่เมื่อพัฒนามากขึ้น ก็ต้องใช้น้ำมากขึ้น ดึงน้ำไปใช้ ซึ่งทุกวันนี้ ก็ต้องดึงน้ำจากจันทบุรีไปใช้ ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตร
และถ้ามีการต่อยอดนโยบายนี้ตามที่แถลง สิทธิพก็ระบุว่า ปัญหาเหล่านี้จะยิ่งรุนแรงขึ้น
ประเด็นต่อมา คือคำถามว่า “กำลังต่อยอดการรวบอำนาจอยู่หรือเปล่า?” เนื่องจากสิทธิพลระบุว่า เขตเศรษฐกิจส่วนใหญ่ จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายพิเศษ ให้อำนาจสูงในการบริหารจัดการ เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุน เช่นเดียวกับรัฐบาลสมัยที่แล้วที่ให้อำนาจสูงมาก ให้เลขาธิการสามารถอนุมัติ อนุญาตตามกฎหมาย เช่นขุดดินถมดิน กฎหมายควบคุมอาคาร ทั้งยังให้ทำผังเมืองใหม่ได้ ที่แม้จะมีการระบุให้คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบซึ่งก็เหมือนกับที่รัฐบาลชุดนี้ระบุ คือระบุให้รับฟังผู้มีส่วนได้เสีย แต่ในทางปฏิบัติ ประชาชนกลับบอกว่าไม่เคยทราบเรื่อง
นอกจากนี้ยังยอมให้คนต่างชาติถือกรรมสิทธิ์เช่าที่ดินได้ยาวสุด 99 ปี และรวบสิทธิประโยชน์จากกมหลายฉบับ เช่น BOI รัษฎากร ฯลฯ
“ท่านนายกกำลังจะต่อยอดการรวบอำนาจอย่างนี้ต่อไปด้วยใช่หรือเปล่า?” สิทธิพลตั้งคำถาม
สิทธิพลยังกล่าวต่อว่า การรวบอำนาจเป็นประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจพิเศษ ถ้าต้องยอมรวบอำนาจเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโต แล้วเราแลกมาด้วยอะไรบ้าง
“เรายอมตัดการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม เกษตรกรขาดแคลนน้ำ กระทั่งแลกมาด้วยความเจ็บป่วยของประชาชน ยังไม่นับว่าให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้นานที่คนไทยจำนวนมากยังเข้าไปม่ถึงที่ดิน แต่ดูสิครับ ขนาดนักลงทุนยังไม่สะดวกเข้าถึงสิทธิประโยชน์จริง เป้าหมายที่อยากให้เศรษฐกิจเติมโตก็ยังไม่ไปเป็นตามหวัง เขตเศรษฐกิจติดลบ ท่านายกกำลังจะต่อยอดสิ่งเหล่านี้จริงๆ หรือ”
“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ท่านกำลังต่อยอดกันจริงๆ หรือครับ…ถ้าใช่เท่ากับท่านกำลัง พลาดแล้ว พลาดอยู่ พลาดต่อ ท่านกำลังจะต่อยอดซากปรักหักพังด้วยภาษีประชาชน” สิทธิพลกล่าว