“เราเห็นต่างกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่คิดว่าอยู่ๆ ก็จะพิจารณาตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่าทั้งหมดในประเทศ ผมอยากเรียนให้ท่านได้คิด ตระหนักตรงนี้อีกสักนิดว่า หากทำอย่างนั้น สังคมจะขยับขับเคลื่อนไปทางไหน แล้วปัญหาที่จะเกิดขึ้น จะเป็นอะไร แล้วใครจะรับผิดชอบในสิ่งเหล่านั้น”
การอภิปรายนโยบายรัฐบาลในวันนี้ (12 กันยายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนโยบายด้านการกระจายอำนาจ โดยย้ำว่า เพื่อไทยไม่ได้คิดจะทำในสิ่งที่ไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิดผลประโยชน์ใดๆ แต่จะทำสิ่งที่อยู่กับความเป็นจริง และพัฒนาจากความเป็นจริงให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด
ในเรื่องของรัฐธรรมนูญนั้น ภูมิธรรมย้ำว่า จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงจุดที่จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
“เรายึดมั่นและประกาศอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะงั้นไม่ว่าท่านจะอภิปรายอย่างไรว่า ทำไมต้องมีเงื่อนไข ทำไมต้องล็อกข้อนั้นข้อนี้ เราล็อกตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และความต้องการของพี่น้องประชาชนว่า เราจะไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่สักการะของประชาชนทั้งประเทศ แต่เราจะร่วมจัดทำรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อประชาชน ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นความต้องการของคนทุกส่วนจริงๆ”
ภูมิธรรมยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 กันยายน) จะมีการลงมติของ ครม.ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกหรือไม่
ส่วนเรื่องการกระจายอำนาจนั้น ภูมิธรรมขอให้มั่นใจว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพูดไว้แล้วทำได้ และการทำผู้ว่า CEO จะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
“เรายืนยัน ไม่มีกลับกรอก ไม่มีหลบเลี้ยว ว่าเราจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่า ไม่ได้ทำทั้ง 76 จังหวัด อย่างที่บางท่านอยากเห็นอยากเป็น และหัวใจเรื่องการกระจายอำนาจนั้น สิ่งที่สำคัญไม่ใช่รูปแบบ สิ่งที่สำคัญคือจิตวิญญาณของการกระจายอำนาจ”
ภูมิธรรมย้ำอีกว่า ในอดีตพรรคไทยรักไทย เคยทำมาแล้ว เช่น กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งประสบความสำเร็จในหลักคิดที่ทำให้หมู่บ้านมีเงินหมู่บ้านละล้าน จากที่เคยอยู่ในการตัดสินใจของรัฐส่วนกลาง ไปอยู่ในมือของประชาชน โดยประชาชนคัดเลือกกรรมการในหมู่บ้านเพื่อมาตัดสินใจในการใช้เงิน ซึ่งกองทุนหมู่บ้านก็อยู่มาจนถึงตอนนี้ อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่กองทุนหมู่บ้านละล้านก็ยังทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน
“ผมคิดว่ารูปแบบไม่มีความสำคัญเท่าจิตวิญญาณของเนื้อแท้ แต่ถ้ามันไปด้วยกันได้ก็เป็นสิ่งที่ดี อยากให้มองอะไรที่เป็นบวก มองให้เห็นความตั้งใจจริงของทุกฝ่าย เพื่อจะให้สิ่งเหล่านั้นมีจุดเริ่มต้นที่ความร่วมมือกันมากกว่าความแตกแยก”
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังย้ำว่า การทำผู้ว่า CEO เป็นกระบวนการที่ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่ สามารถสร้างประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน หากการบริหารราชการที่มีอยู่นั้นมีประสิทธิภาพและเอกภาพ จะช่วยประชาชนได้มาก และสามารถทำร่วมกันได้กับการเลือกตั้งผู้ว่าได้