วันนี้ (5 ตุลาคม) ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นร่าง ‘พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิด อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง’ ต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับสาเหตุที่ยื่น พ.ร.บ.นี้ ชัยธวัชระบุว่า สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่ม ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งภายหลัง ได้ลุกลามบานปลาย จนในที่สุดก็เกิดรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 แล้วยังมีการรัฐประหารซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรก ตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรฯ จนถึงปัจจุบัน ชัยธวัชระบุว่า ประชาชนจำนวนมาก เข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุม หรือการแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวนี้ ก็มีประชาชนหลายพันคนถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็กๆ จนถึงคดีข้อกล่าวหาร้ายแรง ที่เป็นคดีความมั่นคง
ทั้งนี้ ยังมีการดำเนินคดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีท่าทีที่จะยุติการดำเนินคดีแต่อย่างใด
สถานการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่า เป็นเรื่องยากที่สังคมไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสามัคคคีกันในสังคม เพราะประชาชนจำนวนมากที่ได้ถูกดำเนินคดี หรือมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างก็มีความเห็นว่า “รัฐของเรา ไม่มีความเคารพความเห็นต่างทางการเมือง ไม่เคารพต่อสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง”
ด้วยเหตุผลดังกล่าว พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่า เพื่อให้สังคมไทยได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ “เราจำเป็นต้องยุติการใช้นิติสงครามต่อพี่น้องประชาชน ให้พี่น้องประชาชนที่ได้เคยแสดงออกทางการเมืองโดยมีเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้หลุดพ้นจากการถูกดำเนินคดี”
การนิรโทษกรรมจึงเป็น ‘หนทางที่จะถอดฟืนออกจากกองไฟ’ ยุตินิติสงครามเพื่อเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป
ส่วนเนื้อหาสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ยื่นในวันนี้ คือ
1. กำหนดให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวน และชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพ หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความปิดตามกฎหมาย ในช่วงเวลาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นับตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 จนถึงวันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้
หากการกระทำดังกล่าว มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
2. การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงบรรดาการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ
ตลอดจน จะไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 [ความผิดฐานกบฏ]
3. กลไกในการนิรโทษกรรม จะกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม คณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งก้าวไกลเสนอให้มีจำนวน 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง
โดยคณะกรรมการ 9 คนนี้ จะมาจาก
– ประธานสภาผู้แทนราษฎร
– ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
– บุคคลที่ได้รับเลือกจาก ครม.
– บุคคลที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน (ควรจะมาจากฝ่ายค้าน 1 และรัฐบาล 1)
– ผู้พิพากษา หรืออดีตผู้พิพากษาศาลยุติธรรม จากการเสนอในที่ประชุมใหญ่ของประธานศาลฎีกา
– ตุลาการ หรืออดีตตุลาการในศาลปกครอง
– พนักงานอัยการ หรืออดีตพนักงานอัยการ
– เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
4. กำหนดให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติ หรือคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำผิดเพื่อนิรโทษกรรม มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลระบุว่า “อยากย้ำว่าการเสนอร่าง พ.ร.บ.ในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการคืนชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนที่โดนนิติสงคราม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในทางการเมือง หรือแสดงออกในทางการเมืองใดๆ แล้วถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” ที่ประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสันติ ก็ได้รับการกระทบกระเทือน หรือการละเมิด
พรรคก้าวไกลเชื่อว่าการนิรโทษกรรมนี้ เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองต่างๆ มีเจตจำนงร่วมกันในการผลักดัน
หากพิจารณาให้ดี ชัยธวัชระบุว่า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ หรือปฏิเสธการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแต่อย่างใด
หลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะใช้โอกาสนี้ ในการพูดคุยกับพรรคการเมืองทุกฝ่าย รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกฝ่ายทุกกลุ่ม ทุกสีที่เคยมีความขัดแย้งกันในอดีต ให้สำเร็จได้
“เราเชื่อว่า แม้เราอาจไม่ได้มีความเห็นทางการเมืองตรงกัน แต่ผมก็เชื่อว่า ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ต่างได้มาแสดงออกทางการเมือง และขัดแย้งกันโดยยืนอยู่บนพื้นฐานที่อยากจะผลักดันให้สังคมเป็นสังคมที่ดี ตามความคิดความเชื่อของตน”
ดังนั้น พรรคก้าวไกลเชื่อว่า การยุติการดำเนินคดี ยุตินิตสงครามกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนฝ่ายไหน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนทุกฝ่าย ได้ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย โดยสันติ หันหน้าเข้าหากัน เพื่อแสวงหาฉันทามติครั้งใหม่ของสังคมไทยที่พวกเรายอมรับที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ หลังจากที่ชัยธวัชยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และก่อนจะแถลงข่าว วันมูหะมัดนอร์ ยังได้แสดงความยินดีกับชัยธวัชที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านต่อไป สำหรับร่าง พ.ร.บ.นี้ จะให้สำนักงนเลขธิการ ได้ตรวจดู แล้วจะแจ้งให้ผู้ยื่นทราบภายใน 7 วัน
อ้างอิงจาก