วันนี้ (12 ตุลาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ‘ทนายแจม’ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ กรรมการวินัยของพรรค แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีปัญหาการคุกคามทางเพศของสมาชิกพรรคก้าวไกล
พรรคก้าวไกลยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการคุกคาม และความรุนแรงทางเพศจริงโดยพริษฐ์ระบุว่า ปัญหาการคุกคาม เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบกับประชาชนหลายคน
“ในฐานะพรรคการเมืองที่ต้องรับผิดรับชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับประเทศ แต่เมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากบุคลากรภายในขององค์กรตัวเอง สิ่งที่เราต้องทำให้ได้คือการยอมรับปัญหา การเผชิญหน้ากับปัญหา และการหาความเป็นธรรมให้ผู้เสียหาย โดยไม่สร้างวัฒนธรรม ในการปกปิดเรื่องต่างๆ หรือปกป้องคนในองค์กรที่กระทำผิด” พริษฐ์กล่าว
1. บทสรุป
– กรณีของ สิริน สงวนสิน สส.กรุงเทพฯ พบว่ามีการทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหาย และได้กระทำความรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ทั้งยังใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมต่อผู้เสียหาย
ทางพรรคเห็นว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่ออุดมการณ์พรรค และเข้าข่ายการกระทำผิดวินัยพรรคอย่าวร้ายแรง จึงมีมติให้ลงโทษ คือ ‘ตัดสิทธิ’ ที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค คือไม่ให้ได้รับเสนอชื่อในการดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรค และไม่ให้เสนอชื่อเป็นประธาน กมธ. ซึ่งโทษนี้เป็นโทษรุนแรงอันดับ 2 รองลงมาจากการขับออกจากพรรค
ทั้งยังมีการคาดโทษ ซึ่งถ้าหากพบว่า สิรินทำผิดวินัยร้ายแรงอีกครั้งในอนาคตขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ พรรคก็จะยกระดับโทษเป็นการขับออก
– กรณีเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส. พบว่าเขาล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายจริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่ออุดมการณ์พรรคอย่างชัดเจนและผิดวินัยพรรคร้ายแรง มีมติให้ ‘ขับออก’ จากสมาชิกพรรคทันที
ทางพรรคก้าวไกลยังได้ขอโทษทั้งสองผู้เสียหาย “เข้าใจดีว่าการขอโทษของทางพรรคอาจไม่เพียงพอต่อการย้อนคืนความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจของทั้งสอง แต่เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 2 จะได้รับความเป็นธรรมต่อกระบวนการตรวจสอบของพรรคในเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นโดยสมาชิกของพรรค”
2. ความคืบหน้าของข้อกล่าวหาอื่น
ทางพรรคก้าวไกลยังระบุถึงสถานะและความคืบหน้า ของข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน โดยคณะกรรมการวินัยพรรคอีก 2 กรณี ได้แก่
– กรณี วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี โดยหลังจากที่พรรคได้รับข้อร้องเรียน ก็เริ่มสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม) คณะกรรมการที่สอบสวนก็ยอมรับว่าข้อกล่าวหามีมูล ซึ่งจะสอบสวนเพิ่มเติม และคาดว่าภายในเดือนตุลาคมนี้จะมีผลสรุป
– กรณีต่อมา ยังไม่ปรากฏในสื่อและยังไม่ได้รับการร้องเรียนมา แต่ทางพรรคทราบข้อมูลว่าเกิดเหตุการณ์ที่อาจจะเข้าข่ายกรณีดังกล่าว และได้ติดต่อผู้เสียหายไปแล้ว
พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะหาข้อสรุปโดยเร็ว “เราจะไม่อดทนต่อการกระทำผิดทางเพศ และจะลงโทษโดยไม่สนต่อผลกระทบทางการเมืองที่ตามมา เพราะว่า สส.ไม่ใช่เพียงจำนวนที่เราต้องการ แต่คือผู้แทนราษฎรแบบไหนที่เราอยากเห็น”
3. แนวทางการปรับปรุงของพรรค
ส่วนประเด็นแนวทางการปรับปรุงของพรรคนั้น พรรคก้าวไกลพยายามอบรมบุคลากรของพรรค และออกแบบกระบวนการสอบสวนที่คำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำ “แต่การที่ต้องแถลงเรื่องนี้ในวันนี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนว่าเรายังทำได้ดีไม่พอ” ซึ่งทางพรรคจะมีแนวทางการแก้ไขดังนี้
– จะปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมการวินัยพรรค ให้มีสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่ไม่ได้เป็น สส.พรรค และไม่ได้เป็นเพศชายเพิ่มขึ้น
– ทบทวนกระบวนและพิจารณาปรับปรุงการสอบสวน ตั้งแต่ขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล่าช้า
– เพิ่มความเข้มข้นในการอบรมบุคลากรของพรรคในเรื่องการเคารพความเสมอภาคทางเพศ และสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย
– ปรับปรุงกระบวนการการคัดกรองบุคลากร
สาเหตุที่พรรคก้าวไกลออกมาแถลงถึงกรณีการคุกคามทางเพศนั้น พริษฐ์ระบุว่า เพื่อยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าพรรคมีปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน หรือมีการฟ้องร้องหรือไม่ ก็นับเป็น ‘การกระทำผิดที่ร้ายแรงและยอมรับไม่ได้’
ทางพรรคยังระบุว่าจะไม่หลบหนีปัญหา และจะไม่สร้างวัฒนธรรมการปกปิดการกระทำผิดของคนในองค์กร “เพราะเชื่อว่าการปกปิดและไม่มีมาตรการรับผิดเพียงเพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง จะเป็นต้นเหตุสำคัญในการส่งเสริมการคุกคามทางเพศและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลในสังคม”
อ้างอิงจาก