หลังที่ประชุมพรรคก้าวไกลมีมติขับ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค วันนี้ (2 พฤศจิกายน) เจ้าตัวเผยว่า ผิดหวังและเสียใจกับมติพรรคที่ไม่เท่าเทียมกับอีกกรณีคุกคามทางเพศ และมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเชิงการเมือง
นับเป็นครั้งแรกที่วุฒิพงศ์แถลงกับสื่อมวลชน หลังถูกไล่ออกจากพรรคด้วยปมแชทหลุดเนื้อหาคุกคามทางเพศ (sexual harassment) บนโลกออนไลน์ เช่น ส่งเว็บไซต์วิธีดูผู้ชายเซ็กซ์จัดให้ ส่งข้อความเซ็กซ์ทอยให้ เป็นต้น
วุฒิพงศ์เริ่มด้วยการอธิบายว่า ผู้เสียหายร้องเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งขณะนั้นเขายังไม่ใช่แคนดิเดตลงสมัคร สส. อย่างไรก็ดี กรรมการวินัยของพรรคเริ่มตรวจสอบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายหลังแชทถูกปล่อยบนลงออนไลน์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม
สส.ปราจีนบุรีตั้งข้อสังเกตว่า กรรมการวินัยของพรรคไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูลของเขา และตั้งคำถามกับความเป็นธรรมของกระบวนการตรวจสอบ โดยให้เหตุผลว่า กรรมการบริหารพรรคบางส่วนแถลงข่าวก่อนตัดสินที่อาจมีลักษณะชี้นำ และกรรมการตรวจสอบก็เป็น สส. ทั้งหมด ไม่มีคนนอกหรือผู้เชี่ยวชาญ
“ผมต้องเคารพการตัดสินใจ แต่ความไม่เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ผมพูดก็เป็นเพียงฝั่งเดียว ก็อยากให้ลองสังเกตกระบวนการก่อนหน้าหรือถัดไปว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร”
“สส. ตั้งเป็นคณะกรรมการวินัย เหมาะสมหรือไม่ ในกรณีเรื่องของ sexual harassment ความจริงแล้วควรเป็นคุณหมอ จิตแพทย์ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง (เพื่อตรวจสอบ) ว่าผู้คุกคามมีความรู้สึกที่ถูกคุกคาม sexual harassment จริงหรือไม่” วุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถูกถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่มติของเขาต่างจากกรณีของ สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ที่มีปมคุกคามทางเพศเหมือนกันแต่ไม่ถูกขับออก เพียงถูกคาดโทษ เขาตอบว่า “ผมอาจเป็น สส. ต่างจังหวัด สส.ภูธรครับ เป็น สส.ที่ทำงานในพื้นที่หนัก ทำงานเชิงประเด็นหลายเรื่อง มลพิษ ค้านเรื่องเหมือง การเป็นคอนเนคชันกับเพื่อน ผมจะมีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ แต่ว่าผมไม่ค่อยคอนเนคชันกับเพื่อนที่เป็นการทำงานเชิงการเมืองเกินไปที่ต้องรู้จักคนเยอะ”
“การเมืองครับ มันเป็นเรื่องการเมือง” วุฒิพงศ์ กล่าว
ซึ่งวุฒิพงศ์ระบุด้วยว่า หลังจากนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปสังกัดพรรคไหนอย่างไร และยังไม่ได้คุยกับพรรคใด แต่ก็ยังยึดมั่นใจอุดมการณ์ และอยากขอโทษประชาชนรวมถึงโหวตเตอร์ในจังหวัดที่ทำให้ผิดหวัง
เมื่อถูกถามว่า ได้ทำตามที่ผู้เสียหายร้องเรียนหรือไม่ วุฒิพงศ์เปิดแชทบางส่วนที่พูดคุยกันให้ดู โดยแชทหนึ่งเป็นแชทที่มีการส่งภาพผู้หญิงหนอนหงายและมีการเซ็นเซอร์บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเขาอ้างว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพโป๊แม้มีการเซ็นเซอร์ เพราะภาพจริงผู้หญิงยังใส่กางเกง และเจตนาจริงๆ คือโฟกัสแผลเป็นบริเวณขาของผู้หญิงในภาพ
นอกจากนี้ วุฒิพงศ์ยังโชว์กระดาษจดหมายที่อ้างว่าผู้เสียหายเขียนให้ และอ้างด้วยว่า ผู้ถูกกระทำหากรู้สึก sexual harassment ควรต้องมีพฤติกรรมหันหลังจากจุดนั้น พร้อมกล่าวว่า “แต่กรณีนี้ไม่ใช่ คือ เขายังอยากตามผมไปด้วย และเราจะเห็นประโยคด้านล่าง ว่า จบการหาเสียงเลือกตั้ง เขาจะทำงานถึงตรงนั้น และจะเกาะหนึบ ไล่ก็ไม่ไป ต้องรบกวนให้ผมช่วยเอ็นดูตลอดไป”
“ผมยอมรับว่ามีการพูดคุยเกิดขึ้น ก็เป็นความผิดในบางส่วนที่มีการพูดคุย แต่ในเรื่องของ sexual harassment ที่เกิดขึ้น ถ้าเราเป็นผู้ถูกกระทำ เราต้องเดินถอยหลังออกมาจากตรงนั้น คือผมเปิดโอกาสให้ไปทำงานที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ร่วม ไม่มีการเดินทางไป 2 คน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานร่วมกัน ซึ่งไม่ต้องขอกลับมาทำงานก็ได้ถ้ามันเป็น sexual harassment” วุฒิพงศ์ ระบุ
ท้ายท่ีสุด วุฒิพงศ์บอกกับสื่อมวลชนว่า ยินดีให้ผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีอาญาเพื่อจะได้พิสูจน์กันทั้งคู่ และกล่าวว่า จะดำเนินคดีอาญาหมิ่นประมาทกับผู้เสียหาย โดยไม่มีเจตนาฟ้องเรียกค่าเสียหาย แต่ต้องการมีที่ยืนในฐานะ สส. ที่สง่างาม
แถลงการณ์นำมาสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมวงกว้าง โดยเฉพาะในประเด็นที่มองว่าผู้เสียหายควรต้องหนีไปหากรู้สึกว่าถูกคุกคามทางเพศ และประเด็นที่พูดถึงระยะเวลาการออกมาพูดที่ทั้งที่เหตุเกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งประชาชนบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะกล้าหนีออกจากความสัมพันธ์เหล่านั้นด้วยหลากหลายเหตุผล
หากว่าด้วยประเด็นนี้ เบเวอรี เอ็งเกล (Beverly Engel) นักจิตบำบัดผู้เชี่ยวชาญด้านความรุนแรงทางเพศเองก็เคยอธิบายไว้ว่า เหตุผลหลักๆ ที่ผู้หญิงไม่ออกมาพูดหรือออกมาพูดว่าตนถูกคุกคามทางเพศช้า เพราะกลัวการถูกตอบโต้จากฝ่ายที่คุกคามทางเพศ