เป็นครั้งแรกที่ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.ก้าวไกล ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน หลังถูกลงมติคาดโทษแต่ไม่ขับออกจากพรรค ปมคุกคามทางเพศที่มีผู้เสียหายร้องเรียนถึง 3 ราย
“หากเป็นการคุกคามทางเพศโดยใช้อำนาจบีบบังคับจริง ผมก็ต้องขอโทษและพร้อมที่จะน้อมรับมติพรรค” ไชยามพวาน กล่าว ก่อนจะแถลงและชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการคุกคามทางเพศที่ถูกร้อง 3 กรณี โดยชี้แจงเป็นกรณี ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
1) กรณีที่หนึ่ง : ผู้ร้องว่าใช้อำนาจคุกคามทางเพศ ไชยามพวานระบุว่าเป็นผู้ช่วยหาเสียงในพื้นที่ พร้อมเปิดแชทเอกสารที่อ้างว่ามีเนื้อหาระบุทำนองว่า ผู้ร้องถามถึงเรื่องการกินเลี้ยงกลางคืน ไชยามพวานแจ้งกลับไปว่า คนอื่นที่นัดไปด้วยขอยกเลิกนัดเหลือแค่ 2 คนนะ และผู้ร้องตอบว่ายังสนุกได้แม้ไป 2 คน
ไชยามพวานยังแถลงต่อโดยอ้างว่า ในวันที่ตนรับตำแหน่ง ผู้ร้องคนที่หนึ่งก็ส่งข้อความมาแสดงความยินดี พร้อมขอทำงานต่อไปด้วยอยู่เลย อย่างไรก็ดี ไม่ปรากฎถ้อยแถลงจากไชยามพวานว่า เหตุการณ์หลังจากแชทที่อ้างเรื่องกินเลี้ยงเกิดอะไรขึ้น
ในประเด็นนี้ มีนักข่าวถามว่าหลังจากนั้นมีหรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไชยามพวานตอบว่า ขอให้เอกสารเป็นตัวพูด และขอให้ กกต. พิจารณาก่อน
จากนั้น ไชยามพวานกล่าวว่า ตามหลักฐานเหล่านี้ หากเป็นการคุกคามทางเพศและใช้อำนาจบีบบังคับ “ตามที่คณะกรรมการพรรควินิจฉัย” ก็ต้องขอโทษและพร้อมรับมติในพรรค จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นก้มหัวต่อหน้าสื่อมวลชน
2) กรณีที่สอง : ผู้ร้องร้องว่า ถูกคุกคามทางเพศโดยถูกแอบถ่ายรูปขณะผูกเน็กไทด์ตอนที่อยู่ด้วยกัน 2 คน กรณีนี้ไชยามพวานอธิบายว่า เป็นการทำคอนเทนต์เตรียมลงโซเชียลมีเดีย โดยผู้ร้องเองเป็นผู้คิดคอนเทนต์
“ผู้ร้องรู้ตัวว่าถูกถ่ายแน่นอน และจากวิดีโอคลิปที่ผมอัดไว้ระหว่างที่ผู้ร้องคนที่ 2 กำลังผูกเน็กไทด์ มีการสนทนากับผมตลอด และจะเห็นได้จากเงาสะท้อนว่า มีผู้ช่วยคนอื่นอยู่ในห้องเดียวกันด้วย ไม่ได้อยู่กัน 2-2 อย่างที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง” ไชยามพวาน กล่าว พร้อมอธิบายถึงปมส่งสลิปเงินเดือนว่าไม่ใช่การปิดปาก แต่เป็นการให้เงินเดือนและเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเฉยๆ
จากนั้น ไชยามพวานกล่าวว่า หากเป็นการคุกคามทางเพศ ใช้อำนาจบีบบังคับ และดูเป็นการโอนเงินเพื่อกลบเกลื่อนความผิด “ตามที่คณะกรรมการพรรควินิจฉัย” ก็ต้องขอโทษและพร้อมรับมติในพรรค จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นก้มหัวต่อหน้าสื่อมวลชนอีกครั้ง
3) กรณีที่สาม : ผู้ร้องร้องว่าถูกไชยามพวานคุกคามทางเพศโดยการแตะเนื้อต้องตัว ซึ่งเขาชี้แจงว่า “เวลาลงพื้นที่หรือเวลาอื่นๆ ผมมีการสัมผัสตัวคนอื่นที่ค่อนข้างมาก แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะสัมผัสตัวใครก็ตามเพื่อเป้าประสงค์ทางเพศ และการสัมผัสตามคำร้องของผู้ร้องเป็นการแตะเนื้อต้องตัวตามธรรมดาของเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้ก้าวล่วง”
ไชยามพวานกล่าวต่อว่า “หากผมผิดพลาดที่อาจเป็นผมไม่ได้คิดให้รอบคอบ ถึงขอบเขตเหล่านี้ให้ดีพอ ว่าแต่ละคนอาจมีขอบเขตในการยอมรับที่แตกต่างกัน และผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้อีกครั้ง” ก่อนจะลุกขึ้นก้มหัวให้สื่อมวลชน
จากนั้น ไชยามพวานประกาศขอโทษเพื่อนในพรรคที่สร้างรอยร้าว และขอโทษประชาชนที่เพิ่งเอาหลักฐานมาชี้แจง อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าแถลงเสร็จจะลงพื้นที่ต่อ และยังคงเดินกลับไปหาประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาท
หรือก็คือ ไม่ลาออกนั่นเอง แม้สมาชิกพรรคก้าวไกลและประชาชนหลายคนจะออกมาเรียกร้องให้ไชยามพวานลาออกจากตำแหน่ง สส. ก็ตาม และเมื่อผู้สื่อข่าวถึงการที่เพื่อน สส. กดดันให้ลาออก ไชยามพวานจะตอบเพียงว่า “ขอไม่พูดถึงเรื่องนี้”
เมื่อถูกถามถึงการเยียวยาผู้เสียหาย ไชยามพวานอธิบายว่า พรรคจะเป็นคนกลางที่เรียกผู้เสียหายมาเยียวยาต่อไป ซึ่งเขาก็ยังตอบไม่ได้ว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไร แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับพรรค และเมื่อถูกถามว่า หากพรรคเห็นว่านี่ไม่ใช่การขอโทษอย่างจริงใจและเตรียมลงมติใหม่จะทำอย่างไร ไชยามพวานตอบแค่ว่า ขอไม่พูดถึง
ท้ายที่สุด ไชยามพวานยืนยันว่า หากผลสอบ กกต. ชัดว่าคุกคามจริง ก็พร้อมลาออก และยืนยันด้วยว่าในพรรคก้าวไกลไม่มีมุ้งใดที่ตั้งขึ้นมาต่อรอง