ประเด็นตำรวจจีนในต่างประเทศกำลังเป็นที่กล่าวถึง หลังเมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน) ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลการประชุมร่วมกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่าจะให้ตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีน เหมือนที่ประสบความสำเร็จในอิตาลี
ต่อมา ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้ข้อมูลว่าข่าวดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่เป็นแค่การ ‘ร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแส’ เพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
นั่นจึงทำให้ประเด็นตำรวจจีนในต่างแดนกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในกรณีของตำรวจจีนในอิตาลี
แล้วโครงการดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร The MATTER ได้สรุปเอาไว้ให้แล้ว
โครงการที่ให้ตำรวจจีนไปลาดตระเวนในต่างประเทศ เกิดขึ้นในช่วง 2015 โดยในปี 2016 อิตาลีก็ได้ร่วมมือในโครงการดังกล่าวกับจีน เพื่อนำไปสู่ “ความร่วมมือในระดับสากลมากขึ้น รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลและทรัพยากร เพื่อจัดการกับกลุ่มอาชญากรและก่อการร้าย ที่มุ่งทำร้ายประเทศต่างๆ”
กระทั่งในเดือนกันยายน 2022 องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ‘Safeguard Defenders’ รายงานว่า จีนมีสถานีตำรวจลับที่มีการติดต่อกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนในอิตาลี 11 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนสถานีตำรวจลับของจีนมากที่สุดในโลก
Safeguard Defenders ระบุว่าจีนต้องการเข้าไปสอดส่อง เกลี้ยกล่อมให้ประชาชนผู้เห็นต่างให้กลับไปจีน แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ โดยเมื่อชาวจีนเหล่านั้นไม่กลับไป ก็ยังพบว่ามีการข่มขู่ญาติของพวกเขาที่อยู่ในประเทศจีน คุกคาม ข่มขู่ชาวจีนในต่างประเทศ หากไม่ได้ผลก็จะใช้วิธีการอื่นๆ เช่นการลักพาตัวแทน
ทั้งนี้ ทางการของจีนปฏิเสธว่าไม่มีกองกำลังตำรวจนอกอาณาเขต ข้อมูลดังกล่าว เป็นการใส่ร้ายป้ายสีจีน พร้อมกับยังกล่าวถึงสถานที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสถานีตำรวจลับว่า ความจริงแล้วเป็นเพียงศูนย์จัดตั้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนจีนในด้านต่างๆ เช่นเรื่องเอกสารเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รายงานดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ เอริก้า มัซเซตติ (Erica Mazzetti) สมาชิกสภานิติบัญญัติอิตาลีระบุว่า นั่นนับเป็นความเคลื่อนไหวแรกที่เกิดขึ้นหลังจากที่อนุมัติให้ตำรวจจีนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในอิตาลี และได้เร่งดำเนินการสอบสวนปัญหาดังกล่าว
ในเดือนธันวาคมปี 2022 อิตาลีก็ประกาศยุติความร่วมมือโครงการลาดตระเวนกับจีน โดยอิตาลีระบุว่า การยุติความร่วมมือนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นสถานีตำรวจลับแต่อย่างใด