ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันดูเหมือนจะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง เมื่อจีนส่งกองทัพซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน เพื่อ ‘ลงโทษ’ หลังประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-Te) จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party หรือ DPP) ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน กล่าวปฏิญาณตนจะยืนหยัดในอธิปไตย
วันนี้ (23 พฤษภาคม 2024) นับเป็นวันแรกที่จีนเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบ ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศหลายพื้นที่รอบเกาะไต้หวัน โดยจะซ้อมรบเป็นระยะเวลา 2 วัน
ด้านหลี่ ซี (Li Xi) โฆษกกองบัญชาการภาคตะวันออกของจีน (The Eastern Theater Command of the Chinese People’s Liberation Army) ระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทดสอบความสามารถในการโจมตี การควบคุมสนามรบทางทะเล และทางอากาศของกองทัพ
อีกทั้งระบุอย่างชัดเจนว่า เป็นการ ‘ลงโทษอย่างหนัก’ สำหรับกองกำลังเอกราชไต้หวัน (Taiwan independence force) ที่แสวงหา ‘เอกราช’ ยังระบุอีกว่าการซ้อมรบครั้งนี้ถือเป็นคำเตือนต่อกองกำลังใดๆ ที่ต้องการแทรกแซงและยั่วยุจีน
ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการตอบโต้โดยตรงต่อคำปฏิญาณตนในพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ ไล่ ชิงเต๋อ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา
โดยคำปฏิญาณตนดังกล่าว ได้ให้คำมั่นแก่ประชาชนว่าไต้หวันไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเอกราช หรือแบ่งแยกดินแดน เนื่องจาก “ไต้หวันเป็นรัฐอธิปไตยที่มีอิสระอยู่แล้ว” ข้อความดังกล่าวนี้เองทำให้จีนมองว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันเป็นภัยคุกคามมากกว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ
ล่าสุดพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang Party หรือ KMT) ออกมาเรียกร้องอย่างจริงจังให้จีนหยุดมาตรการที่ ‘ไม่จำเป็น’ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั่วช่องแคบไต้หวัน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ทำให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
แล้วความขัดแย้งระหว่างทั้งสองจะเป็นอย่างไร?
“การซ้อมรบดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อไต้หวันและหมู่เกาะรอบนอก ทั้งยังคุกคามเสถียรภาพของภูมิภาคและเพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้ง” อู ซีฟู (Ou Si-fu) นักวิจัยจากสถาบันวิจัยการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน (Institute for National Defense and Security Research) กล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนใช้วิธีการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน เพื่อแสดงความคับข้องใจต่อท่าทีที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนหรือเป็นอิสระจากจีน ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างยาวนานดูเหมือนจะไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง แล้วทางออกของความขัดแย้งนี้คืออะไร? เป็นคำถามสำคัญที่ทั่วโลกกำลังรอคำตอบ
อ้างอิงจาก