หวังว่านี่จะเป็นบทสรุปของความยุติเสียที สำหรับข้อพิพาทเรื่อง ‘หญิงบำเรอ’ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังศาลสูงกรุงโซลได้กลับคำตัดสินแขวงที่เคยยกฟ้อง โดยให้ญี่ปุ่นจ่ายค่าชดเชยแก่หญิงเกาหลีใต้ ที่เคยเป็นหญิงบำเรอ และต้องทุกข์ทรมานจากการถูกกดขี่โดยทหารญี่ปุ่น
สำหรับผู้ที่ติดตามข้อถกเถียงนี้มายาวนาน อาจคิดว่าเหยื่อได้รับการชดเชยไปแล้วเสียอีก ตามที่ในปี 2021 ศาลแขวงเคยตัดสินว่า ญี่ปุ่นควรจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหาย 12 คน เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านวอน หรือประมาณ 2.74 ล้านบาท ต่อผู้ที่รอดชีวิตหรือครอบครัวของผู้เสียหาย
แต่แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เวลาต่อมาได้มีการยกฟ้องคดี โดยอ้างถึงสิทธิ์ความคุ้มกันทางอธิปไตย ที่อนุญาตให้ญี่ปุ่นในฐานะรัฐได้รับการยกเว้นจากการฟ้องร้องคดีแพ่งในศาลต่างประเทศได้
ก่อนที่ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ศาลสูงได้กลับคำตัดสิน พร้อมออกแถลงการณ์ระบุว่า “เมื่อพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลแล้ว ในกรณีเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมาย เอกสิทธิ์คุ้มกันทางอธิปไตยใดๆ จะไม่มีผลเหนือการกระทำ”
อธิบายอย่างง่ายๆ ศาลกำลังบอกว่า กฎหมายระหว่างประเทศไม่รับรองความคุ้มกันของรัฐ ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย นั่นจึงทำให้หนึ่งในโจทก์ยื่นฟ้อง ซึ่งที่ปัจจุบันอายุ 95 ปี รู้สึกทราบซึ้งจนถึงกับร้องไห้ออกมาหลังรับทราบคำตัดสิน
“ฉันรู้สึกขอบคุณ ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ” ลียงซู เป็นหนึ่งในเหยื่อและผู้เคลื่อนไหวมายาวนาน ทั้งยังบอกว่า เธออยากให้เหยื่อทุกคนที่เสียชีวิตไปรับรู้ถึงคำตัดสินนี้
อย่างไรก็ดี ฟากฝั่งรัฐบาลญี่ปุ่นดูจะไม่พอใจกับการกลับคำตัดสินคราวนี้ และเคยยืนยันว่าปัญหานี้ได้เจรจากันจนจบไปแล้วในตอนที่ทั้ง 2 ชาติ ทำข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อปี 1965 อีกทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็เคยทำข้อตกลงกันในปี 2015 ว่าจะยุติข้อพิพาทนี้โดยไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมากกว่า 200,000 คน ทั้งจากเกาหลีใต้ จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไต้หวัน ที่ถูกบังคับขืนใจโดยกองทัพญี่ปุ่น
อ้างอิงจาก