เด็กเกิดใหม่ต่ำ ผู้สูงอายุมาก – ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ ‘สังคมสูงอายุระดับสุดยอด’ แล้ว
ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2567 ข้อมูลจากกรมการปกครอง พบว่า ไทยมีประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) รวมกว่า 13 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society)
ตั้งแต่ปี 2564 จำนวนเด็กเกิดใหม่ในไทยก็น้อยกว่าการตาย โดยมีอัตราการเจริญพันธ์รวม (จำนวนบุตรโดยเฉลี่ยที่ผู้หญิง 1 คนจะมีตลอดช่วงชีวิต) เพียง 1.08 จากตัวเลขที่ควรเป็นที่จะทดแทนได้ ที่ 2.1 ซึ่งตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ และยิ่งถ่างช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรมากขึ้น นอกจากนั้น ประชากรไทยยังมีแนวโน้มอายุยืนมากขึ้นอีกด้วย
ผลกระทบที่ควรเตรียมรับมือ คือเมื่ออายุของคนไทยยืนยาวขึ้น จึงควรเตรียมเงินสำหรับการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าครองชีพ และค่ารักษาพยาบาลจะแพงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการหาคนมาดูแลผู้สูงอายุเพื่อความปลอดภัย และในมุมผลกระทบต่อประเทศ เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ และจำนวนประชากรวัยทำงานน้อยลง ก็จะทำให้เศรษฐกิจโตช้าลงด้วย
ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับสังคมสูงอายุเช่นกัน โดย WHO ระบุว่า ภายในปี 2030 1 ใน 6 ของประชากรโลกจะมีอายุ 60 ขึ้นไป โดยจำนวนจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอย่างก้าวกระโดด
WHO บอกว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผ้สูงอายุได้รับโอกาสต่างๆ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยชรา คือ ‘สุขภาพ’ ถ้าสุขภาพดี ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ที่ผู้สูงอายุให้คุณค่า จะต่างจากคนที่มีอายุน้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซี่งสุขภาพที่ดีจะเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในอย่างพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และปัจจัยภายนอกอย่างสังคมและบรรยากาศที่ดี
ภาครัฐจึงมีบทบาทสำคัญในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะกับผู้สูงอายุ และยกระดับคุณภาพชีวิตคนสูงวัยได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตลาดแรงงานที่ต้องรับมือ โดย ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าควรส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ เพิ่มเสริมศักยภาพและศักดิ์ศรี
ตัวแทนจากกระทรวงแรงงาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานจะมีบทบาทในการพัฒนาความสามารถของผู้สูงอายุ โดยมีนโยบายให้แรงงานผู้สูงอายุพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนโลกแห่งทำงานที่จะเกิดขึ้น และมุ่งเน้นการเติมทั้ง Hard Skill และ Soft Skill ควบคู่กัน
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยังเตรียมประกาศให้การส่งเสริม ‘การมีบุตร’ เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ โดยเตรียมมาตรการสนับสนุนการมีบุตร สวัสดิการจูงใจให้การเกิด และสวัสดิการที่เหมาะสมกับการเติบโตของเด็ก
จึงต้องติดตามต่อไปว่าประเทศไทยจะขยับอย่างไรในแต่ละภาคส่วน โดยประเด็นหนึ่งที่คนให้ความสนใจอย่างเรื่อง ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ มีมติเห็นชอบปรับขึ้นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จ่ายแบบถ้วนหน้าทุกคน 1,000 บาทต่อเดือน โดยขั้นต่อไปจะเป็นการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
อ้างอิงจาก