“นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะปะการังมีความสำคัญเหลือเกิน” เดเร็ก แมนเซลโล (Derek Manzello) ผู้ประสานงานโครงการเฝ้าระวังปะการังของ NOAA กล่าว
‘ปะการังฟอกขาว’ (coral bleaching) คือปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดจาง เป็นผลมาจากการตอบสนองต่อภาวะที่ไม่เหมาะต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น และเมื่อเกิดแล้วอาจก่อให้เกิดโรค หรือกระทั่งตายได้ หากภาวะนั้นยังไม่ได้รับการเยียวยา
และขณะนี้ องค์การบริหารมหาสุมทรและชั้นบรรยากาศสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration หรือ NOAA) ก็เพิ่งประกาศว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญเหตุการณ์ ‘ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่’ (global coral bleaching) อีกครั้ง
เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นการเกิดขึ้นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่มีการบันทึกมา และคาดว่าจะกระทบปะการังมากกว่าครั้งก่อนๆ โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 1998, 2010 และในช่วงปี 2014-2017 (เท่ากับว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 10 ปี)
NOAA พบความร้อนในระดับที่จะทำให้เกิดการฟอกขาวกระจายทั่วไปในแอ่งมหาสมุทร ทั้งแอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดีย ที่สำคัญ ยังพบว่ามีปะการังฟอกขาวเกิดขึ้นแล้วในหลายๆ พื้นที่มาตั้งแต่ต้นปี 2023 ในหลายๆ พื้นที่ประเทศทั่วโลก
“เมื่อมหาสมุทรต่างๆ ของโลกร้อนขึ้น การฟอกขาวของปะการังก็จะพบบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น” แมนเซลโลระบุ “เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้รุนแรงหรือยาวนานมากพอ ก็อาจทำให้ปะการังตายได้ ซึ่งกระทบต่อผู้คนที่ต้องพึ่งพาปะการังในการดำรงชีวิต”
ทางด้าน เซลินี สเตด (Selina Stead) CEO ของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (Australian Institute of Marine Science หรือ AIMS) อธิบายว่า ปะการังสำคัญต่อสุขภาวะของมหาสมุทรและโลกของเรา รวมถึงมีคนหลายล้านคนที่ต้องพึ่งพาปะการัง ในฐานะแหล่งสารอาหาร รวมทั้งในทางสังคมและวัฒนธรรม
และภายใน 1-2 สัปดาห์ “เหตุการณ์ [ปะการังฟอกขาว] ครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกมากที่สุด เท่าที่เคยมีการบันทึกมา” แมนเซลโลกล่าว
ขณะที่ โอ เฮก–กุลเบิร์ก (Ove Hoegh-Guldberg) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า “ตอนนี้เรามาถึงจุดที่เราอยู่ในหนังภัยพิบัติกันแล้ว”
อ้างอิงจาก