เมื่อวานนี้ (20 พฤษภาคม 2567) ที่งาน Jewish American Heritage Month ของชาวอเมริกันเชื้อสายยิวที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐฯ ปฏิเสธว่าปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลไม่ใช่ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ พร้อมกับแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยต่อคำร้องของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศที่ยื่นขอออกหมายจับ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ข้อหาต้องสงสัยต่อการก่ออาชญากรรมสงคราม
“สิ่งนี้ขัดต่อข้อกล่าวหาอิสราเอลที่กระทำโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เราขอปฏิเสธสิ่งนั้น” ไบเดนกล่าว
ฝ่ายบริหารของไบเดน ประณามคำตัดสินของศาลอาญาระหว่างประเทศที่จะขอหมายจับเนทันยาฮู, รัฐมนตรีกลาโหม โยอาฟ กัลแลนต์ (Yoav Gallant) ของอิสราเอล และผู้นำกลุ่มฮามาส 3 คน
แถลงการณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังระบุว่า ไม่ว่าอัยการคนนี้จะสื่อถึงอะไรก็ตาม มันไม่มีความเท่าเทียมกันระหว่างอิสราเอลและฮามาส ขณะที่อิสราเอลก็ประณามเรื่องนี้ด้วยว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลออกมาบอกว่า กองทัพจะขยายปฏิบัติการในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเพื่อพยายามจะเอาชนะกลุ่มฮามาส
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (UN) ออกมาเตือนเมื่อวันจันทร์ด้วยว่า อาหารและยาสำหรับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากำลังสะสมมากขึ้นในอียิปต์ เนื่องจากทางข้ามราฟาห์ยังคงปิดอยู่ และไม่มีการส่งมอบความช่วยเหลือเหล่านี้ไปยังโกดังของ UN จากท่าเรือที่สร้างโดยสหรัฐฯ มาเป็นเวลา 2 วันแล้ว
ด้านกระทรวงสาธารณสุขกาซาที่ดูแลโดยกลุ่มฮามาส ระบุว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 35,562 คนถูกสังหาร และ 79,652 คนบาดเจ็บในสงครามอิสราเอลในฉนวนกาซา และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,170 คน ในการโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันกว่า 250 คน ตามตัวเลขของทางการอิสราเอล รวมถึงมีผู้สูญหายอีก 132 คน
อ้างอิงจาก