“ความขัดแย้งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาธิปไตย แต่ความขัดแย้ง จะต้องไม่นำไปสู่ความไร้ระเบียบ” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดถึงการชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ
กว่า 7 เดือนแล้วที่สงครามอิสราเอล-ฮามาสเริ่มต้นขึ้นและยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในฉนวนกาซา ซึ่งล่าสุด รายงานจาก Al Jazeera เผยว่า สงครามอิสราเอล-ฮามาส ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 34,596 คน บาดเจ็บอีก 77,816 คน ขณะที่ชาวอิสราเอล 1,139 คนถูกกลุ่มฮามาสสังหารในการโจมตีเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และยังมีการคุมขังตัวประกันไว้
สงครามจึงนำมาสู่การประท้วงต่อต้านในกลุ่มนักศึกษาทั่วสหรัฐอเมริกา โดยมีการปักหลักตั้งแคมป์ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยต่างๆ มาแล้วกว่า 2 สัปดาห์
และล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ความรุนแรงก็ได้ปะทุขึ้นที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแอนเจลิส (UCLA) หลังจากที่ผู้ประท้วงที่สนับสนุนอิสราเอล (โปรอิสราเอล) พยายามรื้อถอนเต็นท์หลายสิบหลังที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้ประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ (โปรปาเลสไตน์) ที่ตั้งแคมป์ในพื้นที่ส่วนกลางของมหาวิทยาลัย จนเกิดการเผชิญหน้ากัน โดยมีการยิงพลุ ฉีดสเปรย์พริกไทย และเข้าทำร้าย
การปะทะกันครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สภาอิสราเอล-อเมริกัน จัดการเดินขบวนที่ Dickson Plaza ซึ่งอยู่ติดกับที่ตั้งแคมป์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน โดยเหตุการณ์ในวันนั้นสิ้นสุดลงโดยไม่มีการปะทะกัน โดยสองกลุ่มผู้ประท้วงถูกแยกออกจากกันไว้ด้วยเขตกันชน
เมื่อข่าวความรุนแรงแพร่สะพัดออกไป ทำให้เกิดคำถามที่ว่า ทำไมผู้บริหารมหาวิทยาลัย และตำรวจ จึงไม่สามารถป้องกันหรือบรรเทาปัญหาได้รวดเร็วมากกว่านี้?
สำนักงานของกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยแถลงว่า “การตอบสนองของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่อกรณีที่เกิดขึ้นที่ UCLA นั้นล่าช้ามาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และจะต้องมีการอธิบาย”
อย่างไรก็ดี ยีน บล็อก อธิการบดีของ UCLA ออกแถลงการณ์อธิบายว่า ฝ่ายบริหารได้ดำเนินการหลายอย่างในทันทีที่เกิดขึ้น และได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกิจการนักศึกษา
แต่คำอธิบายนี้กลับขัดแย้งกับรายงานของ Daily Bruin หรือหนังสือพิมพ์ของนักศึกษา ที่รายงานว่ากว่าตำรวจจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้นับตั้งแต่เกิดการปะทะครั้งแรก ก็ใช้เวลายาวนานหลายชั่วโมง ซึ่ง Daily Bruin มองว่า มหาวิทยาลัยล้มเหลวในการปกป้องนักศึกษา
“พลุ แก๊สน้ำตา และการต่อสู้ ปะทุขึ้นหลังเวลา 22.50 น. ของคืนวันอังคาร” Daily Bruin รายงาน และเสริมว่าโรงเรียนออกแถลงการณ์ว่าแจ้งตำรวจแล้วเมื่อเวลา 00.40 น. ในขณะที่ตำรวจมาถึงหลังเวลา 01.00 น. เล็กน้อย
เหตุการณ์ใน UCLA ได้จุดไฟสู่สถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็วในมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่งทั่วสหรัฐฯ ที่มีการประท้วงต่อต้าน ‘สงครามอิสราเอล-ฮามาส ในฉนวนกาซา’ รวมถึงในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ก ที่ก่อนหน้านี้เริ่มต้นการประท้วงมาก่อน แต่กลับถูกตำรวจเข้าสลายการชุมนุมจนเป็นชนวนให้การประท้วงกระจายไปทั่วสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การชุมนุมก็ถูกยุติลงเมื่อคืนวันอังคาร หลังจากตำรวจบุกเข้าจับกุมถึงในอาคารเรียนที่ตั้งแคมป์ประท้วงอยู่
แคมป์ของโปรปาเลสไตน์ได้ปรากฏขึ้นในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยต่างๆ ระบุข้อเรียกร้องหลักคือ มหาวิทยาลัยจะต้องเปิดเผยความสัมพันธ์ทางการเงินทั้งหมดกับกลุ่มต่างๆ ในอิสราเอล และให้ถอนการลงทุน ตัดสัมพันธ์กับอิสราเอลทันที นอกจากนั้น การประท้วงยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันกับผู้คนในฉนวนกาซาที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
จากการประท้วงในมหาวิทยาลัยอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน มหาวิทยาลัยทูเลนในนิวออร์ลีนส์ และมหาวิทยาลัยแอริโซนาในทูซอน นำมาซึ่งการสลายการชุมนุมโดยตำรวจเช่นกัน ซึ่งรายงานระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ มีการจับกุมผู้ประท้วงบางส่วน รวมถึงในบางมหาวิทยาลัยมีการสั่งพักการเรียนหรือลงโทษนักศึกษาที่เข้าร่วมการชุมนุม
“มีผู้ถูกจับกุมประมาณ 300 คน” เอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กกล่าว ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวมผู้ที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และคนอื่นๆ ที่ถูกจับกุมระบบมหาวิทยาลัยของรัฐในนิวยอร์กทุกวิทยาเขต และจากข้อมูลพบว่านับตั้งแต่ 18 เมษายน มีผู้ชุมนุมถูกจับกุมไปกว่า 1,400 คน จากพื้นที่สถานศึกษากว่า 30 แห่งทั่วประเทศ
เอริกส์ย้ำว่า ฝ่ายบริหารของเขาเชื่อว่าการประท้วงส่วนมาก นำโดยผู้ก่อกวนจากภายนอก ไม่ใช่นักศึกษาหรือชุมชนรอบมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการคัดแยกข้อมูลว่ามีจำนวนผู้ถูกจับกุมที่ไม่ใช่นักศึกษาจำนวนเท่าไร
อย่างไรก็ดี บางมหาวิทยาลัยมีแนวทางในการจัดการเรื่องนี้ที่ต่างออกไป เช่น มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ในอิลลินอยส์ ที่ตกลงกับผู้ประท้วงให้ลดขนาดพื้นที่การตั้งเต็นท์ และมหาวิทยาลัยบราวน์ หนึ่งในกลุ่มมหาวิทยาลัยไอวีลีก เตรียมลงมติถอนการลงทุนในบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอล โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมนุม
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะในตอนนี้เริ่มมีการชุมนุมของนักศึกษาในยุโรป อย่างฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ที่กลุ่มโปรปาเลสไตน์มาตั้งเต็นท์ค้างแรม เรียกร้องให้หยุดสงครามในฉนวนกาซาด้วยเช่นกัน
การปักหลักประท้วงถึงประเด็นนี้ในกลุ่มนักศึกษาจึงมีแนวโน้มขยายวงกว้างต่อไปตามสงครามที่ยังไม่จบลง จึงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าภาครัฐในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จะมีท่าทีอย่างไรบ้าง
โดยล่าสุดโจ ไบเดน กล่าวว่า คนมีสิทธิที่จะชุมนุมโดยไม่ก่อความวุ่นวาย เพราะนักศึกษาก็ควรได้มีสิทธิเรียนและเดินในมหาวิทยาลัยได้โดยต้องคอยกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้น และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ตามที่มีคนบางส่วนเรียกร้อง ด้วยไม่ต้องการให้เกิดภาพความรุนแรงซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
อ้างอิงจาก