วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) นับเป็นวันแรกของปฏิบัติการกำจัด ‘บัญชีม้า’ หรือบัญชีที่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของเหล่ามิจฉาชีพ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ประกาศเริ่มดำเนินการตรวจสอบบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) ที่มีชื่อผู้ถือครองบัญชีไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้
พูดง่ายๆ ก็คือ ‘ชื่อผู้ใช้โมบายแบงก์กิ้ง’ ต้องตรงกับ ‘ชื่อที่ลงทะเบียนซิมการ์ด’ นั่นเอง ซึ่งหาก กสทช.ตรวจสอบแล้วพบว่าชื่อไม่ตรงกัน จะประสานให้ธนาคารผู้ให้บริการแจ้งให้ทราบ เพื่อยืนยันตัวตนและอัปเดตข้อมูลเพิ่ม แต่หากไม่ดำเนินการในเวลาที่กำหนด บัญชีโมบายแบงก์กิ้งก็จะถูกระงับ
เบื้องต้นเราสามารถตรวจสอบได้เอง โดยกด *179*ตามด้วยเลขบัตรประจำตัวบัตรประชาชน# แล้วโทรออก จากนั้นระบบอัตโนมัติจะแจ้งให้เราทราบว่าชื่อที่ใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ของเราตรงกับเลขบัตรประจำตัวบัตรประชาชนหรือไม่
โดยการลงมือตรวจสอบครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจัดการปัญหา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ หรือกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้บัญชีม้า หรือบัญชีที่เปิดใช้เพื่อดำเนินธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย และมักถูกใช้โดยผู้อื่น ซึ่งสร้างความเสียหายให้ประชาชนมาเป็นเวลานาน
‘บัญชีม้า’ ทำงานอย่างไร?
เป็นที่ทราบกันดีว่าบัญชีดังกล่าว คือส่วนสำคัญของกลุ่มมิจฉาชีพ เนื่องจากเป็นเครื่องมือการปกปิดตัวตนของผู้กระทำผิด และทำให้การสืบสวนคดีต่างๆ โดยเฉพาะคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นไปอย่างยากลำบาก
การตรวจสอบครั้งนี้จะใช้เวลาราว 120 วัน อันดับแรกธนาคารจะรวบรวมข้อมูลบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง พร้อมกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ จากนั้นส่งให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อเปิดช่องทางสื่อสารให้ กสทช.จากนั้นเป็นหน้าที่ของ กสทช.ในการคัดแยกเพื่อประสานกับเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ แล้วตรวจสอบว่าชื่อบัญชีและชื่อซิมการ์ดโทรศัพท์ตรงกันหรือไม่ จากนั้นจึงส่งผลการตรวจสอบให้ ปปง.และธนาคารจัดการต่อไป
เบื้องต้นมีผู้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการตรวจสอบบัญชีโมบายแบงก์กิ้งถึง 106 ล้านบัญชีโดยหนึ่งในนั้นอาจมีบัญชีที่ชื่อไม่ตรงกันถึง 30 ล้านบัญชี ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ กสทช.ตั้งเป้าหมายจะปิดบัญชีม้าราวแสนบัญชีต่อเดือน จากที่คาดว่ามีอยู่ในระบบกว่าล้านบัญชี
นี่คือวิธีจัดการบัญชีม้าที่ดีแล้วเหรอ?
ล่าสุดมีผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเพื่อ ‘ปรับตัว’ ของเหล่ามิจฉาชีพ กล่าวคือจากที่ก่อนหน้านี้ที่มิจฉาชีพมักเสนอซื้อแค่ ‘บัญชีโมบายแบงก์กิ้ง’ เพียงอย่างเดียวเพื่อใช้เป็นบัญชีม้า แต่หลังจากเริ่มปฏิบัติการดังกล่าว เหล่ามิจฉาชีพกลับปรับตัวอย่างรวดเร็วโดยเสนอซื้อทั้ง ‘บัญชีโมบายแบงก์กิ้ง’ และ ‘ซิมการ์ด’ เป็นแพ็กคู่ ในราคาที่สูงขึ้น เพื่อให้ชื่อผู้ใช้ทั้งสองตรงกัน
มาตรการดังกล่าวกำลังกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคม รวมถึงมีผู้วิจารณ์ว่ามาตรการนี้อาจสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมากกว่าที่คิด เพราะต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถดำเนินการตามมาตรการได้ กล่าวคือในบางกรณี อาจมีคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถเดินทางไปที่ศูนย์ให้บริการโทรศัพท์ หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการเปลี่ยนชื่อซิมการ์ดได้ ทำให้บางคนอาจถูกระงับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายได้ในที่สุด
อ้างอิงจาก