วันนี้ (18 มิถุนายน 2567) ในการประชุมพิจารณาร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปราย ถึงประเด็นการแปรญัตติคำว่า ‘คู่สมรส’ และ ‘คู่ชีวิต’ และแสดงข้อกังวลว่า การเปลี่ยนคำว่า ‘คู่สมรส’ ซึ่งแต่เดิมหมายถึงเพียงชายหญิง ให้ครอบคลุมถึงคนทุกเพศนั้น อาจเป็น ‘การเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันครอบครัว’ เนื่องจากครอบครัวประกอบด้วยสามี ภรรยา และบุตร ซึ่งสามีคือผู้ชาย และภรรยาคือผู้หญิง
นอกจากนั้น ยังเห็นว่าการที่คำว่า สามี ภรรยา ไม่ปรากฏในกฎหมายฉบับนี้ ก็อาจทำให้คำเหล่านี้หายไปจากสารบบของภาษาไทย เพราะขัดแย้งกับความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 จนสะเทือนถึงโครงสร้างทางสังคม โครงสร้างการศึกษา หรือแม้กระทั่งโคตรสร้างมหาดไทย
“ศาลรัฐธรรมนูญให้มีความเท่าเทียมทางเพศ คือระหว่างเพศชายและเพศหญิง ไม่ใช่ LGBTQ+ ซึ่งไม่ใช่เพศ ถ้าท่านได้ ผมเสีย ผมก็ไม่ยอม แล้วสถาบันครอบครัวเสื่อมด้วย” พลเอกวรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย
ศาสตราจารย์พิเศษกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ ชี้แจงโต้กลับว่า หากกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง ราชบัณฑิตยสภาก็จะมีการพิจารณาแก้ไขอยู่แล้ว “ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่สามารถเดินหน้าได้เลย ต้องมายึดคำในพจนานุกรมตลอด” กาญจนารัตน์ กล่าว
บรรยากาศในที่ประชุมจึงเป็นการโต้กลับไปมาระหว่างสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เห็นด้วยกับบางรายละเอียดในร่างสมรสเท่าเทียม และการอธิปรายเพื่อชี้แจงสร้างความชัดเจนจากกรรมาธิการสัดส่วนประชาชน ว่าการเลือกใช้คำว่าคู่สมรส รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่ปรากฏในร่างกฎหมายนั้นผ่านการศึกษาและสำรวจความคิดเห็นของประชาชนมาอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดสิทธิที่เท่าเทียมสำหรับคนทุกเพศจริงๆ