เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม 2024) หลายพื้นที่ในยูเครน รวมถึงโรงพยาบาลเด็กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ถูกขีปนาวุธรัสเซียโจมตี จากรายงานมีผู้เสียชีวิตถึง 37 คน และผู้บาดเจ็บเกิน 100 คน นับเป็นหนึ่งในการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงที่สุด ตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022
หลังจากนั้นไม่นานประชาคมนานาชาติต่างออกมาประณามการกระทำของรัสเซีย เพราะการมุ่งเป้าขีปนาวุธไปที่สถานพยาบาล ถือว่าละเมิดระเบียบระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
“ความเสียใจไม่ใช่อาวุธ” โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskiy) ประธานาธิบดียูเครนกล่าว พร้อมรายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ อาจสูงถึง 41 คนทั่วประเทศ อีกทั้งอาคารบ้านเรือนมากกว่า 100 แห่งได้รับความเสียหาย
หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือโรงพยาบาลเด็กขนาดใหญ่ (Okhmatdyt Children’s Hospital) กลางกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้รักษาเด็กกว่า 20,000 คนต่อปี และเป็นที่รู้จักกันว่าสามารถรักษาผู้ป่วยอาการหนักและซับซ้อนได้
การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเสียหายรุนแรงกับอาคารทางการแพทย์ที่สำคัญของกรุงเคียฟแล้ว ยังทำให้เกิดความสูญเสียต่อบุคลากรทางการแพทย์และพลเรือนอีกหลายชีวิต
แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวของรัสเซีย ได้สั่นคลอนระเบียบระหว่างประเทศนานาประการ แต่หนึ่งในประเด็นที่ชัดเจนที่สุดคือ การโจมตีครั้งนี้ ขัดต่อ ‘อนุสัญญาเจนีวา’ (Geneva Conventions 1949) ที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross หรือ ICRC) ระบุว่าคือ สนธิสัญญาอันเป็น ‘แกนสำคัญ’ ของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อคุ้มครองผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงคราม อย่างพลเรือน และบุคลากรทางการแพทย์
โดย มาตรา 18 ของอนุสัญญาเจนีวา กำหนดว่าโรงพยาบาลพลเรือน ต้องได้รับ ‘การเคารพ’ และ ‘คุ้มครอง’ โดยภาคีแห่งความขัดแย้งตลอดเวลา อีกทั้งมาตรา 20 ที่กำหนดให้บุคคลที่มีส่วนร่วมในโรงพยาบาลพลเรือน กล่าวคือบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ต้องได้รับการเคารพและคุ้มครองเช่นเดียวกัน
อ่าน ‘อนุสัญญาเจนีวา 1949’ ฉบับเต็มได้ทาง https://blogs.icrc.org/th/wp-content/uploads/sites/104/2017/06/GenevaConventions_2017_FInal1.pdf
“นี่เป็นสิ่งเตือนใจอันน่าสยดสยอง ถึงความโหดร้ายของรัสเซีย” คือคำพูดของโจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่นานหลังจากการโจมตี อีกทั้งไบเดนให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการความช่วยเหลือใหม่ ในการเสริมการป้องกันทางอากาศของยูเครน ที่ระบุว่าจะเป็นชุดความช่วยเหลือ ‘ครั้งประวัติศาสตร์’
นอกจากสหรัฐฯ นานาประเทศต่างก็ออกมาประณามเหตุการณ์ที่โหดร้ายครั้งนี้ โดยเคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ เรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า ‘การกระทำที่เลวทรามที่สุด’ ในด้านกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ก็ได้ออกมาประณามว่าเป็นการกระทำที่ ‘ป่าเถื่อน’
ส่วนโฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ก็ได้ประณามการกระทำของรัสเซียเช่นเดียวกัน โดยวันนี้ (9 กรกฎาคม 2024) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (The UN Security Council หรือ UNSC) มีกำหนดประชุมในประเด็นดังกล่าว
ด้านวิตาลี คลิทช์โก (Vitali Klitschko) นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ประกาศวันแห่งการไว้ทุกข์ โดยให้ลดธงลงครึ่งเสา พร้อมยกเลิกกิจกรรมบันเทิง เพื่อไว้อาลัยให้กับหลายชีวิตที่สูญเสียไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว
การประณามจากนานาชาติครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งยืนยันว่าการโจมตีโรงพยาบาลเด็กที่เต็มไปด้วยพลเรือนและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างไม่ยอมรับ เพราะคืออีกครั้งที่การกระทำของรัสเซียขัดต่อระเบียบระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง สิ่งที่น่ากังวลสำหรับหลายคน คือการปล่อยให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์สูญเสียไปมากมายเช่นนี้ จะสร้างความเสียหายอะไรต่อไปกับโลกของเรา? และกฎเกณฑ์มากมายในระบบระหว่างประเทศจะช่วยยุติสงครามครั้งนี้ได้จริงหรือไม่?
อ้างอิงจาก
washingtonpost.comtheguardian.com