อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้เห็น! สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญของยูเครน และอยู่ข้างยูเครนในสงครามกับรัสเซียอย่างชัดเจนมาตลอด แต่ความสัมพันธ์นี้น่าจะมาถึงจุดแตกหักที่สำคัญเสียแล้ว
วันนี้ประธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เชิญ โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มาหารือกันที่ทำเนียบข่าว โดยวาระสำคัญคือการตกลงกัน เรื่องแร่ในยูเครนที่สหรัฐฯ มีท่าทีว่าสนใจในแร่นี้มาตลอด แต่ดีลนี้ก็ล่มไม่เป็นท่า
เกิดอะไรขึ้น จนถึงขั้นผู้นำทั้งสองฝั่งถึงด่ากันเดือดต่อหน้าสื่อที่กำลังถ่ายทอดสดไปทั่วโลก และผู้นำยูเครนยังโดนเชิญออกจากทำเนียบขาวก่อนกำหนดอีกด้วย?
1. พื้นเพของเหตุการณ์เบื้องต้นคือ ตั้งแต่ทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่ง เขาก็ยืนยันชัดเจนว่าต้องการยุติสงครามยูเครน–รัสเซีย แต่จะทำเช่นนั้นได้ ยูเครนต้องยอมรับข้อเสนอให้สหรัฐฯ เข้าถึงแร่หายากจำนวนมากในยูเครน
2. ทรัมป์เคยพูดชัดเจนว่า ต้องการแร่หายากเหล่านี้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการยุติสงครามกับรัสเซีย มีบทวิเคราะห์ของ BBC ว่าทรัมป์ต้องการแร่ในยูเครนมากๆ เพื่อเพิ่มกำลังการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับจีน
นอกจากนี้ ทรัมป์เองก็ถูกจับตามาตลอดว่า มีจุดยืนเอนเอียงไปทางรัสเซียของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน
3. ทางฝั่งยูเครนเองถึงแม้อยากยุติสงคราม แต่ก็ไม่ได้รับปากอย่างเป็นทางการในข้อตกลงนี้ง่ายๆ ปธน.เซเลนสกี เคยพูดว่า เขาจะไม่มีวัน “ขายชาติ’ ของตัวเองเพื่อรับดีลนี้จากสหรัฐฯ โดยที่ยูเครนจะเสียเปรียบ
4. ก่อนหน้าจะมาเจอกันในวันนี้ ทรัมป์เคยส่งสัญญาณแรงๆ ถึงความไม่พอใจเซเลนสกีมาก่อน โดยเฉพาะการด่าเซเลนสกีว่าเป็น “เผด็จการ” และเป็นผู้นำที่บริหารยูเครนได้ย่ำแย่มากๆ จนทำให้ผู้คนเสียชีวิตโดยไม่จำเป็น
5. หลังจากตอบโต้กันไปมาหลายครั้ง วันนี้ก็มาถึง วันที่ทั้งสองคนมีกำหนดการพบกันที่ทำเนียบขาว ตามคำเชิญของรัฐบาลสหรัฐฯ
6. ทรัมป์เชิญเซเลนสกีไปหารือกันในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ผู้นำสหรัฐฯ จะนำแขกบ้านแขกเมืองมาต้อนรับกันที่นี่
7. การเผชิญหน้าเริ่มต้นอย่างดุเดือด ในระหว่างที่สื่อได้เข้าไปถ่ายทอดสด รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ บอกว่า สิ่งที่ทรัมป์กำลังทำมันต่างไปจากไบเดนที่มักจะพูดมากกว่าลงมือทำ และเชื่อว่าสงครามนี้จะจบลงด้วยลงมือทำจริงๆ
8. หลังจากนั้นเซนเลนสกีได้ตั้งคำถามกลับไปว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่รัสเซียเข้าผนวกไครเมียมาเป็นของตัวเอง ยูเครนได้เจรจาทางการทูตกับรัสเซียหลายครั้ง ทั้งการแลกเปลี่ยนนักโทษ รวมถึง มีการเจรจาจากฝ่ายที่สามทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี แต่การเจรจาเหล่านี้ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการทำสงครามของรัสเซียได้เลย
เซเลนสกี ถามกลับไปยัง เจดี แวนซ์ ว่า แล้วการทูตแบบที่รัสเซียทำนี้มันเรียกว่าอะไร?
9. เจดี แวนซ์ ที่โดนโต้กลับก็เหมือนจะเลือดขึ้นหน้า เขาพูดต่อหน้าเซนเลนสกีว่า “ผมพูดถึงการทูตที่จะยุติการทำลายล้างประเทศคุณได้ ท่านประธานาธิบดี ด้วยความเคารพ ผมคิดว่านี้คือสิ่งที่ไม่ให้เกียรติกันเลย ที่คุณมายังห้องทำงานนี้แล้วพยายามโต้แย้งต่อหน้าสื่อมวลชน” นอกจากนี้ แวนซ์ ยังบอกด้วยว่า เซเลนสกีควรขอบคุณทรัมป์ด้วยซ้ำ ที่ต้องการช่วยคุณยุติความขัดแย้งนี้
10. เซเลนสกี้ ตอบกลับอีกรอบว่า คุณมายูเครนกี่ครั้งถึงรู้ว่าเรากำลังเจอปัญหาอะไรบ้าง? แวนซ์ พูดกลับว่า ผมดูผ่านเรื่องราวต่างๆ และรู้ว่า คุณเองก็กำลังสร้างปัญหาอยู่เหมือนกัน คุณทำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ประชาชนมาเป็นทหาร
11. การถกเถียงดำเนินต่อ และกลายเป็นแบบสองรุมหนึ่ง ทรัมป์บอกกับเซเลนสกีว่า เรากำลังจะแก้ปัญหา อย่ามาบอกว่าเราควรจะรู้สึกอย่างไร และบอกด้วยว่า ตอนนี้เซนเลนสกีไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีมากนัก และกำลังจะอยู่ในจุดที่แย่มากๆ ลงไปกว่าเดิมถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป และวิจารณ์ยูเครนว่า กำลังเล่นพนันเดิมพันกับชีวิตของผู้คนนับล้านคนอยู่
“คุณกำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่สาม” ทรัมป์ พูดกับเซเลนสกี
ส่วนเจนดี แวนซ์ เสริมทรัมป ว่า ตั้งแต่มาคุยกันที่นี่ คุณพูดคำว่า “ขอบคุณ” บ้างสักครั้งรึยัง?
12. หลังจากนั้นก็เริ่มเถียงกันจนรุนแรงมากๆ ฝั่งเซเลนสกี พยายามย้ำว่า พวกเขาต่อสู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด และพยายามชี้ให้สหรัฐฯ มองเห็นว่าปัญหาจริงๆ นั้นมันควรอยู่ทางรัสเซียไม่ใช่มากล่าวหาว่ายูเครน หรือบอกว่ายูเครนกำลังมีปัญหาอะไร สิ่งที่สหรัฐฯ ควรทำคือให้การสนับสนุนยูเครนมากกว่าการไปประนีประนอมกับปูติน
13. ในช่วงหนึ่ง ทรัมป์พูดว่า ผมกำลังช่วยเหลือคุณอยู่ กำลังทำให้เซเลยสกีเป็น “Tough Guy” (คนที่แข็งแกร่ง) ซึ่งเซเลนสกีจะเป็น Tough Guy คนนั้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ดังนั้น อยู่ที่เซเลนสกีแล้วว่าจะดีลไหม (ดีลเรื่องแร่) ถ้าไม่ดีลเราก็ต้องแยกย้ายกัน
14. ทรัมป์พูดย้อนไปถึงผู้นำสหรัฐฯ ที่ผ่านมาทั้งโอบามาและไบเดนว่า ถ้าเปรียบเทียบกับเขา ไบเดนเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ ส่วนโอบามาก็มอบเพียงแค่ “ผ้าห่ม” กับยูเครนเท่านั้น แต่เขากำลังจะให้ “หอก” กับยูเครนแทน ดังนั้นอยู่ที่เซเลนสกีแล้วว่าจะอยู่กับสหรัฐฯ ไหม
15 ทรัมป์พูดขึ้นมาด้วยข้อมูลที่ผิดๆ ว่า สงครามครั้งนี้ยูเครนเป็นคนเริ่มต้นเอง และบอกด้วยว่า เซเลนสกีเกลียดชังปูติน และความเกลียดชังนี้ คือสิ่งที่ทำให้สงครามยังไม่จบสิ้นลง
“พวกคุณจะเห็นถึงความเกลียดชังที่เขา (เซเลนสกี) มีต่อปูติน” ทรัมป์พูด “นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับผม ที่ต้องดีลกับความเกลียดชังแบบนี้”
16. แน่นอนว่า การหารือกันครั้งนี้จบลงแบบไม่เป็นท่า ไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น การแถลงข่าวหลังจากนั้นถูกยกเลิก และเซเลนสกีถูก ‘เชิญ’ ออกจากทำเนียบข่าวก่อนกำหนด
17. นักข่าวจาก The New York Times ประจำทำเนียบขาว รายงานว่า นี่เป็นวันที่ทรัมป์โกรธที่สุดเท่าที่เคยปรากฎต่อหน้าสาธารณะ นักข่าวประจำทำเนียบขาวอีกคนบอกว่า ไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนไหนที่เลคเชอร์ผู้นำในชาติที่เป็นพันธมิตรขนาดนี้มาก่อน
18. ผลของเหตุการณ์นี้ ทำให้อนาคตของสงครามยูเครน–รัสเซีย ก็ยังไม่แน่นอน เพราะข้อตกลงเรื่องแร่ ที่สหรัฐฯ ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการช่วยเหลือล่มลงไป รอยแผลความขัดแย้งในครั้งนี้ ทำให้พวกเราต้องจับตากันดูว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐฯ และยูเครนที่เป็นพันธมิตรสำคัญกันในหลายปีที่ผ่านมาจะไปอย่างไร และสงครามจะยุติลงได้ไหม? รวมถึงยุติได้ในรูปแบบใด?