วันนี้ (3 ตุลาคม 2567) ที่รัฐสภาฯ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.พรรคประชาชน (ปชน.) โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารรับเรื่องร้องเรียน กรณีพลทหารเสียชีวิต ในระหว่างการฝึกในค่ายทหาร
ผู้ร้องเรียนคือ นางสาวนิชนันท์ วังคะฮาต อดีตผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล และนางสาวปณิตา ทองเช้ม พี่สาวของพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี พลทหารผู้เสียชีวิต
นิชนันท์ระบุว่า พลทหารศิริวัฒน์ ในวัย 21 ปี อยู่ในสังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ซึ่งในตอนแรกโรงพยาบาลระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจาก ‘การป่วย’ แต่หลังจากครอบครัวดำเนินการฌาปนกิจศพเรียบร้อยแล้ว ได้รับข้อมูลจากเพื่อนพลทหารว่า การเสียชีวิตมาจาก ‘ความรุนแรงระหว่างการฝึก’
นอกจากนี้ มติชนรายงานว่า เพื่อนพลทหารเล่าเหตุการณ์ว่า ในวันนั้นพลทหารศิริวัฒน์ ถูกฝึกหนักและถูกสั่งให้วิ่งหลายรอบ จนร่างกายทนไม่ไหว ทำให้หน้ามืดและเป็นลม จากนั้นเขาได้วูบลงไปตรงขาครูฝึกพอดี และเล่าต่อว่า ครูฝึกเตะที่ขาและซี่โครง ด้วยรองเท้าคอมแบท ซ้ำยังตบหน้าจนเขาหมดสติ เนื่องจากมองว่า ‘สำออย’
ยังไม่พอ หลังจากหมดสติครูฝึกสั่งให้พลทหารนายอื่น ช่วยกันอุ้มเขาไปวางบริเวณเสาธง เพื่อ ‘ตากแดด’ โดยไม่มีการปฐมพยาบาลใด ๆ จนกระทั่งเวลา 18.00 น. เขาถูกพาส่งโรงพยาบาลสิริกิติ์ แต่เสียชีวิตระหว่างทาง
อีกทั้งนิชนันท์ระบุว่า หลังจากการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลตำรวจ พบว่าซี่โครงหัก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าหักจากการทำ CPR หรือไม่ ทั้งนี้เธอเสริมบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พลทหารศิริวัฒน์ ตั้งใจสมัครเป็นทหารเกณฑ์ด้วยตัวเอง เนื่องจากหลังจากเรียนจบ ม.6 ครอบครัวไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งระหว่างรอให้อายุครบ 21 ปี เขาทำงานที่ปั๊มน้ำมัน เพื่อรอวันสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เธอระบุเพิ่มเติมว่า พลทหารศิริวัฒน์สมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพื่อต่อยอดรับราชการทหาร เนื่องจากมีความตั้งใจที่จะมีงานที่มั่นคง และอนาคตที่ดี
“ถ้าข้อเท็จจริงตามที่เพื่อนๆ พลทหารเล่ามา ก็ขอทวงความยุติธรรมให้พลทหารศิริวัฒน์ ใจดี” นิชนันท์ระบุ โดยต่อจากนี้ สส.จิรัฏฐ์กล่าวว่า กมธ.การทหารจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อสืบสวนและตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ทหารเสียชีวิตระหว่างการฝึกในค่ายฯ คำถามที่หลายคนยังคงสงสัยคือ เหตุใดเหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก? และทำไมการปฏิบัติต่อทหารในค่ายฯ จึงไม่ได้รับการปรับปรุงเสียที? หลังจากนี้สังคมจะจับตามองความสูญเสียครั้งนี้ ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีคำตอบอย่างไร เพื่อไม่ให้ใครต้องได้รับผลกระทบอีกต่อไป
อ้างอิงจาก