ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สวมผ้ากันเปื้อนเดินเข้าไปที่ครัวของแมคโดนัลด์ในเมืองฟีสเตอร์วิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐสำคัญในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ เขาทอดเฟรนช์ฟรายส์ จากนั้นก็เดินไปเสิร์ฟให้กับลูกค้าที่สั่งอาหารผ่านไดรฟ์ทรู
ทรัมป์บอกว่า การเดินทางมาที่ร้านแมคโดนัลด์ในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเหน็บแนม ‘กมลา แฮร์ริส’ รองประธานาธิบดีและแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครต ที่เคยบอกว่าทำงานที่ร้านนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งทรัมป์บอกว่าการไปทำงานของเธอเป็นเรื่อง ‘โกหก’ เขาเลยไปทำงานที่แมคโดนัลด์เองและบอกว่า “ผมชอบงานนี้”
ขณะที่ทีมโฆษกของแฮร์ริสได้ออกมาโต้ว่า การกระทำของทรัมป์ที่ไปหาเสียงในแมคโดนัลด์นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความสิ้นหวังของทรัมป์ แถมยังไม่เข้าใจของความยากลำบากที่แรงงานต้องทำงานระหว่างที่เรียนด้วย
แม้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมาก จะคุ้นเคยกับการทำงานในแมคโดนัลด์ แต่กับ ‘ทรัมป์’ ไม่ได้นับว่าเป็นการทำงานอย่างแท้จริง เนื่องจากแมคโดนัลด์ปิดให้บริการในช่วงที่สื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์เขา ขณะที่ลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อของในไดรฟ์ทรูก็จะได้รับการคัดกรองก่อน และที่สำคัญคือลูกค้าไม่ได้มีใครสั่งอาหารเลยสักคน แต่พวกเขาเข้ามารับถุงอาหารจากทรัมป์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ถือว่าไม่ได้ทำงานเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากในงานดังกล่าวจะต้องอาศัยความเอาใจใส่ และการรับมือกับลูกค้าที่เข้ามาแบบแตกต่างกัน ซึ่งชาวอเมริกันต่างยกให้งานฟาสต์ฟู้ดเป็นงานที่สมควรได้รับความเคารพเพราะว่ามันมีความยาก แต่ทรัมป์ก็แค่ยื่นถุงบรรจุอาหารให้แค่นั้นไม่ได้สะท้อนประสบการณ์ในการทำงานที่แมคโดนัลด์แต่อย่างใด
อีกทั้งยังมีการตั้งคำถามจากพนักงานร้านอาหารเชนมากมายด้วยว่า ทรัมป์ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของเครือร้านอาหารดังกล่าว ทั้งยูนิฟอร์มที่ต้องใส่ หมวก ตาข่ายคลุมผม แต่เขาดันสวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทและใส่ผ้ากันเปื้อนแค่เท่านั้น
อ้างอิงจาก