ช่วงนี้เห็นพี่สาวชาวเน็ตหลายคนเริ่มทำชาเลนจ์งดน้ำตาลเพื่อสุขภาพกัน แต่ยังไม่ทันจะถึงสัปดาห์ก็ติดวีนฉ่ำกันแล้ว การงดน้ำตาลนี่มันทำให้คนเราวีน และหงุดหงิดได้มากขนาดนี้จริงเหรอ?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง สมองเราก็จะคุ้นชินกับความสุขเวลาได้กินหวาน แล้วหลั่งสารโดปามีนหรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้เรารู้สึกดีและรู้สึกฟินทุกครั้งที่ได้กินของหวานแบบหวานร้อย
ด้วยเหตุนี้น้ำตาลจึงไม่ต่างอะไรจากสารเสพติด ถ้าใครเริ่มทานหวานบ่อยๆ จนเริ่มติดเป็นนิสัย สมองของเราก็เสพติด และเรียกร้องให้เราทานหวานเรื่อยๆ นั่นเอง
ในทางกลับกัน พอเราเริ่มงดน้ำตาลช่วงวันแรกๆ สมองก็จะเริ่มไม่พอใจ ออกอาการทำให้เราปวดหัว เพื่อกระตุ้นให้เราทานน้ำตาลมากกว่าเดิม แถมสมองที่ไม่ได้รับน้ำตาลเข้าไป ยังส่งผลให้ตัวของเราเริ่มหงุดหงิดง่ายและอารมณ์แปรปรวนมากกว่าเดิม จนอาจนำไปสู่การเผลอวีนคนรอบข้างแบบไม่รู้ตัวได้
ทว่าความรู้สึกหงุดหงิดดังกล่าวเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในระยะแรกเท่านั้น ถ้าเราสามารถผ่านช่วงอารมณ์แปรปรวนนี้ไปได้ ก็จะได้พบกับประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยควบคุมน้ำหนัก ผิวพรรณดีขึ้น และสุขภาพช่องปากแข็งแรง
ทั้งนี้ หากเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณสูงบ่อยๆ อาจมีความเสี่ยงต่อโรคอันตรายมากมายด้วยเช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ และโรคความดันโลหิตสูง
เพราะฉะนั้นแล้ว หากใครกำลังมีเป้าหมายในการลดน้ำตาล อาจลองค่อยๆ ลด ไม่ควรหักดิบเกินไป เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ พร้อมลองดื่มน้ำเปล่าแทนที่จะเป็นน้ำหวาน ก็ช่วยได้เหมือนกัน
หลังจากนี้ ถ้าอยู่ในระยะแรกของการลดน้ำตาล ก็อาจต้องระวังกันสักนิด อย่าเผลอไปวีนใส่ใครโดยไม่รู้ตัวเข้าล่ะ ไม่อย่างนั้น อาจกลายเป็นการทะเลาะกันใหญ่โตเลย เพราะแค่การลดน้ำตาลเลยก็ได้
อ้างอิงจาก