ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่มีอะไรหยุดชายที่ชื่อ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้ นอกจากการลงนามในคำสั่ง ยกเลิก, ก่อตั้งและตัดงบกระทรวงต่างๆ แล้ว บ่อยครั้งเราจะเห็นข่าวการขึ้นภาษีกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ หรือแม้แต่คู่ปรับตลอดกาลอย่างจีนก็ตาม
ล่าสุดที่ประเทศไทยเองเริ่มจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ บ้างแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ประกาศให้วันนี้ (2 เมษายน) เป็น ‘วันปลดแอก’ หรือ Liberation Day และจะทำการประกาศขึ้นภาษีเป็น ‘รายประเทศ’ ซึ่งหนึ่งในนั้นดันมีประเทศไทยด้วย
แม้ว่าทางทำเนียบขาวจะไม่ได้ระบุว่าภาษีจะสูงขนาดไหน ขณะที่นักวิเคราะห์เองก็มองความเป็นไปได้ต่างกัน แต่เมื่อดูจากช่วงหาเสียงปีที่แล้ว ทรัมป์เคยสนับสนุนให้เรียกเก็บภาษีศุลกากร 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด และก็อาจจะสูงถึง 20% – 60% ถ้าเป็นสินค้าที่นำเข้าจากจีน
จนกระทั่งทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดเรื่อง อัตราภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) และบอกว่าอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ “พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าพวกเขาเรียกเก็บภาษีจากเรา เราก็เรียกเก็บจากเขา” ทรัมป์กล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เมื่อทรัมป์บอกว่า ภาษีศุลกากรนี้อาจใช้กับทุกประเทศ นั่นยิ่งทำให้หลายๆ ประเทศพยายามจะต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขึ้นภาษีในครั้งนี้เน้นไปที่ 15 ประเทศที่มีปัญหาการค้าส่วนใหญ่กับสหรัฐฯ และทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบ ซึ่งได้แก่ อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, จีน, สหภาพยุโรป, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, เม็กซิโก, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, ไทย, ตุรกี, สหราชอาณาจักร และเวียดนาม
ด้านโฆษกของทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า การเก็บภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ทันทีทรัมป์ออกมาประกาศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ (ช่วงกลางคืนตามเวลาไทย) ขณะที่ภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% นั้นจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไป
ขณะที่ประเทศไทยเองก็ได้เตรียมตัวสำหรับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แล้วเช่นกัน
วันนี้ วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอีกหลายหน่วยงาน ได้แถลงข่าวถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และได้เตรียมการรับมืออย่างเป็นระบบ
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ บอกด้วยว่า นายกฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ขึ้นทันที เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมแล้ว นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐฯ โดยที่ยังรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และปกป้องผลประโยชน์ของไทยอย่างถึงที่สุด
หลังจากนี้ เราคงต้องจับตากันต่อไปว่าทั่วโลก รวมถึงไทยเองว่า เราจะมีข้อเสนอใดๆ ไปถึงสหรัฐฯ และถ้ามี การตอบรับจะเป็นอย่างไร รวมถึงมาตรการที่ไทยเราเองต้องนำมาใช้เพื่อรับมือจากประกาศการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้
อ้างอิงจาก