ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) เรียกร้องให้จัดการประชุมเร่งด่วน เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
“กัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด และแสดงความไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง ต่อการรุกรานทางทหารโดยวางแผนล่วงหน้าและไม่มีเหตุอันควรของกองทัพไทย” ระบุในจดหมายถึงอาซิม อิฟติการ์ อาหมัด (Asim Iftikhar Ahmad) ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ และประธาน UNSC ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ณ นครนิวยอร์ก
จดหมายฉบับนี้ระบุอย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 กองทัพไทยได้เปิดฉากโจมตีกัมพูชา อย่างจงใจและวางแผนล่วงหน้า โดยปราศจากการยั่วยุ ตามแนวชายแดนกัมพูชา รวมถึงปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย และช่องบก ในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย
“การโจมตีทางทหารครั้งนี้ เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง ทั้งหลักการไม่รุกรานและหลักการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี” ฮุน มาเนตระบุ
จดหมายกล่าวต่อไปว่า หลักการทั้งสองถูกรองรับในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน ที่ห้ามมิให้ข่มขู่หรือใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐใดๆ ตลอดจนเป็นการเพิกเฉยต่อจิตวิญญาณแห่งความเป็นมิตรระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกัมพูชาได้ยึดมั่นและรักษาไว้มาโดยตลอด ซึ่งภายใต้การรุกรานเช่นนี้ กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ
ในช่วงท้ายของจดหมาย ฮุน มาเนตเรียกร้องให้จัดการประชุม UNSC โดยเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทันที ถอนกำลังทหารกลับสู่ฝั่งของตน และหลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์บานปลาย
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างคำถามให้หลายคนว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากที่ฮุน มาเนตส่งจดหมายฉบับนี้ UNSC รวมถึงขั้นตอนการพิจารณาของ UNSC มีอะไรบ้าง และจะส่งผลอย่างไรต่อประเทศไทย?
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) เป็นหนึ่งใน 6 เสาหลักขององค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ที่มีหน้าที่พิจารณาและดำเนินการตามมติต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยคุกคามใดๆ ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น การออกมติการหยุดยิง หรือยุติการสู้รบ
ทั้งนี้ UNSC มีสมาชิก 15 ประเทศ ประกอบด้วยสมาชิกถาวร 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส สหพันธรัฐรัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (General Assembly หรือ UNGA) ให้ดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี
ขั้นตอนการเสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อมีการร้องเรียนไปยังสมาชิก UNSC หรือเลขาธิการ UN เพื่อเรียกร้องให้ประชุมฉุกเฉินในกรณีที่เห็นว่ามีการคุกคามสันติภาพ จากนั้นประธาน UNSC ก็จะสามารถเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อพิจารณาวาระนั้นๆ ได้อย่างเร่งด่วน
ในขั้นตอนนี้ ประเทศต่างๆ จะทบทวนแนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการแก้ไขข้อพิพาท โดยมีที่ปรึกษาของ UNSC ผู้มีความเชี่ยวชาญในประเด็นนั้นๆ ร่วมหารือกับกลุ่มภูมิภาค ประเทศที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญอื่นๆ เพื่อหาแนวทางตามกฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter)
ทั้งนี้แนวทางก็อาจเป็นไปได้หลายทาง เช่น การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ภารกิจรักษาสันติภาพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยใช้กองกำลังแทรกแซง หรือส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice หรือ ICJ)
Zero Draft
แนวทางเบื้องต้นเหล่านั้นจะกลายเป็น ‘ร่างมติเบื้องต้นที่สุด’ (Zero Draft) ซึ่งเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของสมาชิก UNSC ว่าจะจัดการกับกรณีที่เกิดขึ้นในทิศทางใด โดยในระหว่างนี้ สมาชิก UNSC อาจมีเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ และปรับแก้ Zero Draft เพื่อหาข้อสรุปร่วมและสร้างฉันทามติภายใน ก่อนนำเข้าสู่ขั้นตอนการประชุมอย่างเป็นทางการ
อาจารย์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้อธิบายว่า ในระยะแรก UNSC มักจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี หรือแนวทางการทูตก่อน ซึ่งอาจเรียกร้องให้มีการหยุดยิงหรือลดความรุนแรงของสถานการณ์ รวมทั้งเสนอให้มีการไกล่เกลี่ย โดยทูตพิเศษที่แต่งตั้งเพื่อเป็นคนกลางในการเจรจา
การประชุมอย่างเป็นทางการเพื่อลงมติ
เมื่อร่างข้อเสนอที่ผ่านการเจรจาโดยหลายฝ่ายพร้อมแล้ว ประธาน UNSC ก็จะเรียกประชุมอย่างทางการ พร้อมประกาศวาระให้สมาชิกทราบล่วงหน้า เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการอภิปรายและลงมติ
สำหรับการลงมติ สมาชิกทั้ง 15 ประเทศ จะหารือและอภิปรายเนื้อหามติอย่างละเอียดก่อนลงคะแนนเสียง โดยมติจะผ่านได้ ต้องมีคะแนนเห็นชอบอย่างน้อย 9 เสียง จาก 15 ประเทศสมาชิก โดยไม่มี veto หรือการใช้อำนาจยับยั้ง จากสมาชิกถาวรทั้ง 5 (จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา)
เมื่อได้มติแล้วประธาน UNSC จะอ่านผลการลงคะแนนขั้นสุดท้าย ว่าร่างดังกล่าวจะได้รับการรับรองหรือถูกปฏิเสธ
การบังคับใช้
หลังจากร่างผ่านการลงมติ มตินั้นก็จะถูกจัดทำเป็นเอกสารฉบับสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ โดยจะถูกแปลเป็นภาษาทางการของ UN ทั้ง 6 ภาษา ได้แก่ อาหรับ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสเปน เพื่อเผยแพร่และบังคับใช้ ทั้งนี้มติต่างๆ ของ UNSC สามารถมีผลผูกพันทางกฎหมายต่อประเทศสมาชิก UN ทั้ง 193 ประเทศ
อ้างอิงจาก