ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา (29 กันยายน 2025) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศข้อเสนอสันติภาพ 20 ข้อ ที่เขาระบุว่าสามารถยุติสงครามในฉนวนกาซาได้ทันที
เงื่อนไขที่น่าสนใจของข้อเสนอสันติภาพนี้ ก็มีทั้งปล่อยตัวประกันภายใน 72 ชั่วโมง ปลดอาวุธของกลุ่มฮามาส แผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูกาซา จนถึงให้รัฐบาลเทคโนแครตชั่วคราวจากปาเลสไตน์ เข้ามาปกครองฉนวนกาซา โดยฮามาสจะไม่มีบทบาทใดๆ และอิสราเอลจะไม่ยึดครองฉนวนกาซา
“อาจเป็นหนึ่งในวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรม”
ทรัมป์กล่าวในช่วงเริ่มของการแถลงข่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ ‘เข้าใกล้’ จุดจบสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบสองปีแล้ว โดยมีเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล–ที่ยอมรับข้อเสนอ 20 ข้อของทรัมป์แล้ว ยืนอยู่ข้างๆ
จากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เริ่มอ่านข้อเสนอสันติภาพ 20 ข้อต่อสาธารณชน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
ยุติสงครามทันทีและปล่อยตัวประกันภายใน 72 ชั่วโมง
- ฉนวนกาซาจะเป็นเขตปลอดการก่อการร้าย ที่ปราศจากความรุนแรง และไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อประเทศเพื่อนบ้าน
- ฉนวนกาซาจะได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในฉนวนกาซา ผู้ซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว
- หากทั้งสองฝ่ายตกลงตามข้อเสนอนี้ สงครามจะยุติลงทันที กองกำลังอิสราเอลจะถอนกำลังไปยังแนวที่ตกลงกันไว้ เพื่อเตรียมการปล่อยตัวตัวประกัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ ปฏิบัติการทางทหารทั้งหมด รวมถึงการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ จะถูกระงับ แต่แนวการรบจะยังคงตรึงไว้ จนกว่าจะบรรลุเงื่อนไขสำหรับการถอนกำลังตามขั้นตอนอย่างสมบูรณ์
- ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่อิสราเอลยอมรับข้อตกลงนี้ต่อสาธารณะ ตัวประกันทั้งหมด ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้ว จะถูกส่งตัวกลับ
- เมื่อตัวประกันทั้งหมดถูกปล่อยตัว อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษจำคุกตลอดชีวิต 250 คน รวมถึงชาวกาซาอีก 1,700 คนที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็กทั้งหมดที่ถูกควบคุมตัวในบริบทดังกล่าว และสำหรับการส่งมอบร่างชาวอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกัน กลับมาแต่ละร่าง อิสราเอลจะส่งมอบร่างของชาวกาซาที่เสียชีวิตจำนวน 15 ร่างกลับไป
- เมื่อตัวประกันถูกส่งตัวกลับแล้วทั้งหมด สมาชิกฮามาสที่มุ่งมั่นที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติและปลดอาวุธ จะได้รับการนิรโทษกรรม โดยสมาชิกฮามาสที่ต้องการเดินทางออกจากฉนวนกาซา จะได้รับการอารักขาความปลอดภัย ตลอดการเดินทางไปยังประเทศผู้รับ
ลำเลียงความช่วยเหลือเร่งด่วนเข้าสู่ฉนวนกาซา
- เมื่อข้อตกลงนี้ได้รับการยอมรับ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั้งหมดจะถูกส่งไปยังฉนวนกาซาทันที โดยอย่างน้อยที่สุด สัดส่วนความช่วยเหลือจะสอดคล้องกับข้อตกลงเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025 ซึ่งรวมถึงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน (น้ำ ไฟฟ้า ระบบบำบัดน้ำเสีย) การฟื้นฟูโรงพยาบาล และเปิดทางให้อุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับกำจัดเศษซากปรักหักพัง และเปิดถนน
- การแจกจ่ายความช่วยเหลือในฉนวนกาซา จะดำเนินไปโดยปราศจากการแทรกแซงจากทั้งสองฝ่าย ผ่านองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แผนการปกครองและฟื้นฟูฉนวนกาซา
- ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ กาซาจะถูกปกครองภายใต้การบริหารชั่วคราว ของคณะกรรมการปาเลสไตน์
คณะกรรมการชุดนี้จะประกอบด้วยชาวปาเลสไตน์ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ โดยมีการกำกับดูแลโดยองค์กรเปลี่ยนผ่านระหว่างประเทศชุดใหม่ ในชื่อ ‘บอร์ดแห่งสันติภาพ’ (Board of Peace) ซึ่งทรัมป์จะเป็นประธาน พร้อมด้วยสมาชิกคนอื่นๆ รวมถึงโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร
ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูกาซา จะถูกร่างขึ้นโดยคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่มีเจตนาดี ผู้เคยช่วยสร้างความเจริญรุ่งเรืองในตะวันออกกลางมาแล้ว โดยจะมีข้อเสนอเพื่อดึงดูดการลงทุน พร้อมสร้างงาน โอกาส และความหวังให้กับกาซาในอนาคต
- จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมการเจรจาอัตราภาษีแบบพิเศษกับประเทศที่ตกลงเข้าร่วม
- จะไม่มีใครถูกบังคับให้ออกจากกาซา โดยผู้ที่ต้องการออกจากกาซาจะมีอิสระ ที่จะออกจากกาซาและกลับเข้ามาใหม่ได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนอยู่ต่อ และมอบโอกาสให้พวกเขาร่วมกันสร้างกาซาที่ดีขึ้น
ข้อตกลงกับกลุ่มฮามาส
- ฮามาสและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ต้องตกลงที่จะไม่มีบทบาทใดๆ ในการปกครองฉนวนกาซา ไม่ว่าทางตรง ทางอ้อม หรือในรูปแบบใดๆ
โครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั้งหมด รวมถึงอุโมงค์และโรงงานผลิตอาวุธ จะถูกทำลายและไม่สร้างขึ้นใหม่ โดยจะมีกระบวนการปลดอาวุธอย่างถาวรในฉนวนกาซา ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ตรวจสอบอิสระ
- พันธมิตรในภูมิภาคจะช่วยกันรับประกันว่า ฮามาสและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง จะปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ และกาซาที่สร้างขึ้นใหม่ จะไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อเพื่อนบ้านหรือประชาชนของตนอีกต่อไป
กองกำลังรักษาเสถียรภาพชั่วคราวในกาซา
- สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับพันธมิตรอาหรับและนานาชาติ เพื่อสถาปนากองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศชั่วคราว (International Stabilization Force หรือ ISF) เพื่อส่งกำลังพลไปยังฉนวนกาซาทันที
กองกำลังนี้จะเป็นทางออกด้านความมั่นคงในระยะยาว โดย ISF จะหารือกับจอร์แดนและอียิปต์ เพื่อจัดการฝึกอบรมและสนับสนุนตำรวจปาเลสไตน์ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วในฉนวนกาซา
ข้อตกลงกับอิสราเอล
- อิสราเอลจะไม่ยึดครองหรือผนวกดินแดนกาซา ซึ่งเมื่อ ISF สามารถควบคุมสถานการณ์และรักษาเสถียรภาพได้แล้ว กองทัพอิสราเอลจะถอนกำลัง โดยยึดตามข้อตกลงและกรอบเวลาที่เกี่ยวข้องกับการปลดอาวุธ ซึ่งจะมีการตกลงกันระหว่างกองทัพอิสราเอล ISF สหรัฐอเมริกา และประเทศผู้รับประกันอื่นๆ
ในทางปฏิบัติ กองทัพอิสราเอลจะทยอยส่งมอบดินแดนกาซาที่ยึดครองให้แก่ ISF ตามข้อตกลง จนกว่าจะถอนกำลังออกจากกาซาโดยสมบูรณ์ แต่จะยกเว้นพื้นที่รักษาความมั่นคงบางส่วน ที่จะคงอยู่จนกว่ากาซาจะปลอดภัย จากภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่อาจกลับมาอีกครั้ง
- ในกรณีที่ฮามาสชะลอหรือปฏิเสธข้อเสนอนี้ การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น รวมถึงปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ จะดำเนินต่อไปในพื้นที่ปลอดการก่อการร้าย ที่ส่งมอบจากกองทัพอิสราเอลให้กับ ISF
ฟื้นฟูสันติภาพในฉนวนกาซา
- กระบวนการเจรจาระหว่างศาสนา (An interfaith dialogue) จะถูกจัดตั้งขึ้น โดยยึดหลักคุณค่าของความอดทนอดกลั้นและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ เพื่อพยายามเปลี่ยนมุมมองของชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอล โดยเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากสันติภาพ
- ในขณะที่การปฏิรูปโครงสร้างกาซาพัฒนาต่อไป ในที่สุดเงื่อนไขต่างๆ อาจพร้อมสำหรับการกำหนดเจตจำนงของตนเอง (self-determination) และการเป็นรัฐ (statehood) ของปาเลสไตน์ ซึ่งสหรัฐฯ ตระหนักดีว่า เป็นความปรารถนาของชาวปาเลสไตน์
- สหรัฐฯ จะจัดตั้งการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางทางการเมือง สำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบและเจริญรุ่งเรือง
แม้ในตอนนี้ จะยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มฮามาสจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ แต่หลังจากการประชุมกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาว เนทันยาฮูก็ได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่า “หากฮามาสปฏิเสธแผนของท่านประธานาธิบดี หรือหากพวกเขายอมรับแผนนั้นแล้ว แต่กลับทำทุกวิถีทางเพื่อต่อต้าน อิสราเอลก็จะจัดการเอง” พร้อมย้ำว่า “แผนนี้อาจทำให้สำเร็จด้วยวิธีง่ายหรือด้วยวิธีที่ยากก็ได้ แต่จะต้องทำให้สำเร็จ”
อ้างอิงจาก