เด็กหลายคนอาจไม่ได้ใช้แชตบอต AI เพื่อจัดการตารางเรียน ค้นหาสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งช่วยทำการบ้านแต่เพียงเท่านั้น แชตบอตกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้ชีวิตเด็กๆ บางคน และกับเด็กบางคน มันเป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ
ที่พูดเช่นนี้ได้ ก็เพราะจากผลสำรวจใหม่ที่พบว่า นักเรียนมัธยมปลายกว่า 1 ใน 5 หรือ 19% ในสหรัฐฯ บอกว่าพวกเขา หรือเพื่อนของพวกเขาเคยใช้ AI สร้างความสัมพันธ์แบบโรแมนติก ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่น่าตกใจและสร้างความกังวลเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในหมู่เด็ก หรือวัยรุ่น และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา
ผลการสำรวจนี้เผยแพร่โดย ศูนย์ประชาธิปไตยและเทคโนโลยี (CDT) ซึ่งทำการสำรวจนักเรียนมัธยมปลาย 1,000 คน ผู้ปกครอง 1,000 คน และครูโรงเรียนรัฐบาลระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประมาณ 800 คน โดยที่ผลการสำรวจในครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาอื่นๆ อีกหลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นจำนวนมากกำลังสร้างความสัมพันธ์แบบสนิทสนมกับ AI
โดยรวมแล้ว ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นภาพที่น่าตกใจว่าเทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทในโรงเรียนอย่างไร โดยนักเรียน 86% และครู 85% ระบุว่า พวกเขาใช้ AI ในช่วงปีการศึกษาที่ผ่านมา อีกทั้งโรงเรียนหลายแห่งให้นักเรียนใช้ AI เพื่อให้ทำความคุ้นเคยกับมัน ซึ่งการทำเช่นนี้ก็อาจทำให้เกิดผลเสีย
“ฉันคิดว่านักเรียนควรรู้ว่าพวกเขาไม่ได้พูดคุยกับบุคคลจริงๆ พวกเขากำลังพูดคุยกับเครื่องมือ และเครื่องมือเหล่านั้นก็มีข้อจำกัดที่ทราบกันดี และการสำรวจของเราก็ชี้ให้เห็นว่าการฝึกอบรบนักเรียนที่เกี่ยวกับความรู้ด้าน AI นั้น ยังค่อนข้างอยู่ในระดับพื้นฐาน” เอลิซาเบธ แลร์ด ผู้อำนวยการ CDT บอกกับ NPR
ขณะที่อีกมุมที่ต้องให้ความสนใจนั่นคือ AI จะก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการศึกษาอย่างไร เนื่องจากแชตบอตและเครื่องมืออื่นๆ อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อ ‘โกงการบ้าน’ ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า นักเรียนมากกว่าครึ่งบอกว่าพวกเขาใช้ AI ช่วยทำการบ้าน แม้ว่าครูจะไม่อนุญาตก็ตาม และเกือบ 2 ใน 3 บอกว่าพวกเขาใช้ AI เพื่อติวหนังสือ หรือศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อในชั้นเรียน
อย่างไรก็ตาม นักเรียนมัธยมปลายจำนวนมากหันมาใช้ AI เพื่อความสะดวกสบายส่วนตัว ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขา นักบำบัดได้เตือนว่าแชตบอต AI อาจให้คำแนะนำที่เป็นอันตรายแก่วัยรุ่น
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าแชตบอตเหล่านี้สนับสนุนการฆ่าตัวตาย หรือแม้กระทั่งอธิบายวิธีการทำร้ายตัวเอง มีวัยรุ่นจำนวนมากเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหลังจากมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนม และบางครั้งก็เป็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติกกับแชตบอต
อีกทั้งการสำรวจยังพบว่า นักเรียนมัธยมปลาย 42% บอกว่า พวกเขาใช้ AI เป็นเพื่อน หรือเพื่อรับการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต หรือเพื่อหลีกหนีจากชีวิตจริง และนักเรียนมากกว่าครึ่งบอกว่าพวกเขาสนทนากับ AI อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และ 16% บอกว่าพวกเขาทำเช่นนั้นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ของพวกเขายังส่งผลกระทบโดยตรงต่อปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว เนื่องจากประมาณ 43% บอกว่าพวกเขาขอคำแนะนำจาก AI เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจริง และที่น่าตกใจคือ วัยรุ่นมากกว่า 1 ใน 3 กล่าวว่า การพูดคุยกับ AI นั้นง่ายกว่าการพูดคุยกับพ่อแม่ และในทางตรงกันข้าม พ่อแม่เหล่านี้กลับรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง โดย 2 ใน 3 กล่าวว่าพวกเขาไม่รู้ว่าลูกๆ ของพวกเขาใช้ AI อย่างไร
แม้ว่าโรงเรียนจะสอนให้ใช้ AI เพื่อตระหนักถึงข้อจำกัดทางเทคโนโลยี แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความเสี่ยง โดยผลสำรวจนั้นแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนที่เปิดให้ใช้งาน AI มีแนวโน้มว่าจะรายงานเรื่องการใช้ AI ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่นอกเหนือไปจากเชิงวิชาการ เช่น ขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต ใช้เป็นเพื่อน หรือเพื่อความสัมพันธ์โรแมนติก
นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการมุ่งร้ายมากขึ้น โดยนักเรียน 36% ระบุว่า เคยได้ยินเรื่อง Deep Fake ของใครบางคนในโรงเรียนในช่วงปีการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงภาพอนาจารที่ขึ้นโดย AI และภาพอื่นๆ ที่ไม่ได้รับความยินยอม
แลร์ด บอกว่า เทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมือใหม่ในการล่วงละเมิดทางเพศและการกลั่นแกล้ง ซึ่งก็เป็นปัญหาที่มีมายาวนาน ก่อนที่จะมีการใช้ AI อย่างแพร่หลาย และนี่ก็จะทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น
อ้างอิงจาก