เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) แทรกซึมในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการแท็กรูปเพื่อนบนเฟซบุ๊ก ปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ กระทั่งตรวจจับคนร้ายบนท้องถนน แต่การใช้เทคโนโลยีนี้เป็นวงกว้าง ก็ทำให้เกิดความกังวลว่า มันกำลังยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวเรามากเกินไปหรือเปล่า
Brad Smith ประธานไมโครซอฟท์ เขียนบล็อกแสดงความเห็นว่า หลายครั้งการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเรื่องที่ดีและมีศักยภาพอย่างลึกซึ้ง แต่เทคโนโลยีนี้ก็มีด้านอื่นที่น่ากังวล เช่น รัฐบาลอาจใช้เทคโนโลยีนี้ติดตามใครสักคนไปทุกที่ โดยที่คนๆ นั้นไม่ได้อนุญาตหรือไม่รู้ตัว ประเด็นนี้กระทบต่อความเป็นส่วนตัวและอิสระภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน นอกจากนี้เทคโนโลยียังไม่สมบูรณ์ เช่น จดจำใบหน้าคนผิวสีไม่ดีพอ ทำให้การตรวจจับเกิดความลำเอียงขึ้นมาได้
ประธานไมโครซอฟท์ จึงเสนอให้ตั้งคณะกรรมการที่มีภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดในการดูแลการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในสหรัฐอเมริกา โดยควรเขียนข้อกำหนดเชิงจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี และออกกฎหมายคุ้มครองประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หากเกิดความผิดพลาดจากเทคโนโลยีนี้ เช่น ระบุตัวคนผิด
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มเสรีภาพพลเรือนแห่งสหรัฐก็ได้เรียกร้องให้ Amazon.com ยุติการเสนอเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าให้กับรัฐบาลสหรัฐ เพราะอาจถูกนำไปใช้เพื่อตรวจจับผู้อพยพหรือคนผิวสีโดยไม่เป็นธรรม ในประเทศจีนก็มีการใช้เทคโนโลยีนี้เป็นวงกว้าง โดยอ้างถึงความปลอดภัยและการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นความส่วนตัวไม่แตกต่างกัน
อ้างอิงจาก
https://www.blognone.com/node/103849
https://www.itnews.com.au/news/microsoft-wants-facial-recognition-technology-regulated-498276
https://www.usatoday.com/story/tech/news/2018/07/15/microsoft-raises-alarms-face-recognition/786347002/
https://www.youtube.com/watch?v=U5r7E14xBJk
#Brief #TheMATTER