เบื่อไหมกับการที่จะต้องรื้อกระเป๋าเดินทาง (ที่หิ้วขึ้นเครื่อง) เอาของต่างๆ ออกมาใส่ลงในตะกร้าเพื่อผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ ก่อนที่จะต้องนำของต่างๆ นำกลับไปใส่ในกระเป๋าใบเดิม ในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา? หลายๆ คนคงเข้าใจแหล่ะว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่จะดีกว่าไหมหรือมีเครื่องเอ็กซ์เรย์ที่ทะลุทะลวง ไม่ต้องให้รื้อออก-ยัดเข้า ให้ยุ่งยากเช่นปัจจุบัน
สนามบิน Heathrow ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ เตรียมที่จะนำเครื่องเอกซ์เรย์ 3 มิติ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงคล้ายเครื่อง CT Scan ในโรงพยาบาลต่างๆ มาใช้เป็นเวลา 6 เดือน – 1 ปีข้างหน้า เพื่อที่จะสามารถเห็นสิ่งของต่างๆ ภายในกระเป๋าได้ทั้งหมด ‘ในรูปแบบ 3 มิติ’ ซึ่งหากมีสารประกอบระเบิดจะได้ตรวจจับได้ทันที โดยเครื่องเอกซ์เรย์ในรูปแบบเดียวกัน ถูกนำมาทดลองใช้แล้วในสนามบิน John F. Kennedy ในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ และสนามบิน Schiphol ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์
ปัจจุบัน ผู้โดยสารจะถูกขอให้นำคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และของเหลวต่างๆ เช่น น้ำเปล่า แชมพู ยาสีฟัน ออกจากกระเป๋า ก่อนผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ สร้างความยุ่งยากให้กับตัวผู้โดยสาร และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความแออัดภายในสนามบิน
มีการประเมินกันว่า เทคโนโลยีสแกนข้าวของแบบ 3 มิตินี้ อาจนำไปสู่การยกเลิกกฎ ‘ห้ามนำของเหลว (ที่มีปริมาตรเกิน 100 มิลลิลิตร) ขึ้นเครื่อง’ ในระยะยาว แต่ถึงเครื่องนี้จะช่วยให้ผู้โดยสารสะดวกขึ้นด้วยการไม่ต้องรื้อกระเป๋าบ่อยๆ ทว่าใครที่ยังเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็ยังจำเป็นต้องถอดเครื่องประดับที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะ เช่น เข็มขัด รองเท้า ไปจนถึงนำของต่างๆ ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ ออกมาวางไว้ในตะกร้าเพื่อผ่านเครื่องเอกซ์เรย์อยู่ดีนั่นแหล่ะ
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/travel/article/airport-scanners-liquid-heathrow-intl/index.html
https://www.theguardian.com/world/2018/jul/22/ct-scanners-heathrow-trial-could-end-liquids-ban
#Brief #TheMATTER