สำนวน ‘ปากหมอตายเพราะปาก’ ยังใช้ได้จริงทุกยุคทุกสมัย ในทุกวงการ ก็ขนาดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังผู้เคยได้รับรางวัลโนเบล ยังมีปัญหาเพราะคำพูด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดร.เจมส์ วัตสัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ค้นพบโครงสร้างของ DNA จนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ในปี 1962 ถูกริบตำแหน่งสำคัญในห้องทดลอง หลังออกไปแสดงความเห็นเชิงเหยียดเชื้อชาติในรายการโทรทัศน์
คำที่มีปัญหาของวัตสัน คือการบอกว่า ยีนส์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนผิวขาวกับคนผิวสี “มีความฉลาดแตกต่างกัน”
ความจริงแล้ว ดร.วัตสันก็เคยพูดลักษณะเดียวกันมาเมื่อปี 2007 ซึ่งครั้งนั้นเขาต้องออกมาขอโทษในภายหลัง
ผลจากคำพูดในครั้งล่าสุด ทำให้ห้องทดลอง Cold Spring Harbor Laboratory ของสหรัฐฯ ซึ่ง ดร.วัตสันเคยทำงานเป็นผู้อำนวยการระหว่างปี 1968-1993 ต้องออกแถลงการณ์มาประณามการใช้คำพูดดังกล่าวของเขา พร้อมกับถอดถอนออกจากตำแหน่งอันทรงเกียรติ ถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ Chancellor Emeritus, Oliver R Grace Professor Emeritus และ Honorary Trustee
ดร.วัตสันถูกตำหนิมาตลอด จากการใช้คำพูดในเชิงเหยียดผิวหรือเหยียดคนรักร่วมเพศอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 1997 เคยพูดว่า ผู้หญิงควรได้รับอนุญาตให้ทำแท้งได้หากทารกมียีนส์ที่ส่อแนวโน้มจะออกมาเป็นคนรักร่วมเพศ ในปี 2000 ก็เคยพูดว่า มันน่าจะมีความเชื่อมโยงกันระหว่างน้ำหนักตัวกับความทะเยอทะยาน หรือสีผิวกับความกล้าหาญ และในปี 2003 ก็บอกว่า เหตุผลที่บางคนโง่มาจากความบกพร่องของยีนส์
3 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 90 ปีนี้ ได้นำเหรียญรางวัลโนเบลออกประมูล (ในราคา 3 ล้านปอนด์) โดย ดร.วัตสันอ้างว่า เป็นเพราะเขาถูกชุมชนนักวิทยาศาสตร์กีดกันนับแต่แสดงทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องสีผิวกับความฉลาดในปี 2007
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-46856779
https://edition.cnn.com/2019/01/13/health/james-watson-honors-stripped-intl
https://www.vox.com/2014/12/3/7328643/watson-nobel-prize-auction (ที่มาภาพประกอบ)
#Brief #TheMATTER