สงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา 70 กว่าปีแล้ว แต่ปัจจุบัน ก็ยังคงหลงเหลือมรดกของสงคราม ความขัดแย้ง และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย รวมถึงการถกเถียงถึงสมเด็กพระสันตะปาปาปาปิอุสที่ 12 ที่หลายฝ่ายมองว่า พระองค์และคริสตจักรคาทอลิกในยุคนั้นนิ่งเฉย ไม่ได้ปกป้องชาวยิว ซึ่งล่าสุดวาติกัน ประกาศเตรียมที่จะเปิดคลังเก็บเอกสารลับในยุคนั้น เพื่อพิสูจน์การกระทำของพระองค์ด้วย
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ประกาศว่า วาติกันจะเปิดคลังเอกสารลับนี้ให้กับนักวิจัยที่ผ่านคุณสมบัติ ในวันที่ 2 มีนาคม ปี 2020 ซึ่งมีเอกสารตั้งแต่ปี 1939-1958 ประกอบด้วยคำปราศรัยและจดหมายเหตุหลายพันฉบับ ทั้งยังมีเอกสารเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่สิบสอง ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในช่วงสงครามพระองค์ไม่ได้พยายามต่อสู้กับลัทธิฟาสซิสต์ในประเทศเยอรมนีและอิตาลี รวมถึงการปกป้องชาวยิวจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เอกสารจากสังฆราชไม่ได้ถูกเก็บไว้ในคลังเอกสารลับเท่านั้น แต่ยังอยู่ในหอจดหมายเหตุของสำนักงานวาติกันที่แตกต่างกันเช่น สำนักเลขาธิการแห่งรัฐ เป็นต้น ซึ่งบิชอบ Sergio Pagano ระบุว่า ต้องใช้บุคลากรในการเก็บเฉพาะ 20 คนมานานกว่า 12 ปีในการจัดทำคลังและเอกสาร โดยเอกสารเหล่านี้รวมถึง ดัชนี 68 เล่ม จดหมายแยก 538 ฉบับเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ต้นฉบับสุนทรพจน์ 76 ชิ้น ของพระสันตะปาปาปิอุสที่สิบสอง และจดหมายกว่า 5,100 ฉบับที่เป็นตัวแทนของพระสังฆราช
พระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวถึงการเปิดคลังเอกสารครั้งนี้ว่า “ฉันมั่นใจว่าการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ที่จริงจังและมีวัตถุประสงค์จะรู้วิธีประเมินผลในแง่ที่ถูกต้อง” และการตัดสินใจของพระองค์เกิดขึ้นด้วยใจสงบและวางใจ หลังได้รับคำแนะนำจากผู้ร่วมงาน พระองค์ยังย้ำว่า “คริสตจักรไม่ได้กลัวประวัติศาสตร์ ตรงกันข้าม พวกเราชอบมัน” ทั้งยังระบุด้วยว่า การวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่สิบสองบางครั้งก็เป็นอคติ และเกินจริงไป
กลุ่มชาวยิวผู้เรียกร้องการเข้าถึงคลังเอกสารลับของวาติกันมาหลายปี อย่างรับบี David Rosen ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของคณะกรรมการชาวยิวอเมริกัน กล่าวว่า การตัดสินใจของสมเด็จพระสันตะปาในการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ มีความสำคัญมากต่อความสัมพันธ์ของคาทอลิกและยิว ทั้งยังจำเป็นต่อการเข้าใจบทบาทของวาติกันในยุคนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการตั้งข้อสงสัยว่าเอกสารที่ยังมีอยู่ทั้งหมด จะเปิดให้เข้าถึงเลยได้หรือไม่ด้วย
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2019/03/04/world/vatican-archives-pius/index.html
#Brief #TheMATTER