ถ้าประเทศไทยมีเพลงแร็ปที่เชิดชูประเทศอย่าง ‘Thailand 4.0’ ที่มีเนื้อหาว่าคนไทยเก่ง ก้าวไกลไปทั่วโลก หรือเพลง ‘ประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน’ ที่บอกว่ารักชาติ รักแผ่นดิน และจะปกป้องประเทศ ประเทศจีนก็เพิ่งปล่อยเพลงแร็ปโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลเช่นกัน ซึ่งมีเนื้อหาพูดถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าของจีนด้วย
สำนักข่าว Xinhua สื่อของรัฐบาลจีน ได้ปล่อยวิดีโอเพลงแร็ปภาษาอังกฤษที่ชื่อ “’Two Sessions’: To the World from China” เพื่อเฉลิมฉลองการประชุมสองสภาประจำปีของรัฐสภา โดยมีแร็ปเปอร์ชื่อ Suhan ที่แร็ปถึงความปิติยินดีกับประเทศ ในขณะที่มีการประชุมนี้ ชื่นชมผลงานต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านมลภาวะ การบรรเทาความยากจน และภารกิจประวัติศาสตร์ที่ส่งยานขึ้นไปบนดวงจันทร์
โดยในเพลงมีท่อนที่แร็ปว่า “Monkey King to the West มังกรในตำนานขึ้นสู่ท้องฟ้า คุณรู้หรือไม่ว่าถึงเวลาแล้วสำหรับปาฏิหาริย์ของจีน”
คลิปนี้ตั้งใจทำออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โดยมีเป้าหมายคือผู้ชมและผู้ฟังต่างชาติ ในการสร้างความกระตือรือร้นในช่วงเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญอย่างการประชุมสองสภา ที่มีระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ ในการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPPCC) และการประชุมสภาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ (NCP)
ทั้ง Xinhua ยังปล่อยวิดีโออีกตัวที่เล่าเรื่อง ‘ประชาธิปไตยของจีนในสายตาของชาวอเมริกัน’ ที่เสนอว่าระบบประชาธิปไตยของจีนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พร้อมการแนะนำให้ผู้ชมติดตามการประชุมสองสภา เพื่อดูประชาธิปไตยในจีน หรือสื่ออื่นๆ อย่าง People ‘s Daily ที่มีโควทคำพูดของปธน. สี จิ้นผิงในการประชุมให้ได้เลือกอ่านและฟัง หรือแม้กระทั้ง China Daily ก็ทำควิซคำถามประวัติศาสตร์การประชุมสองสภาด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่รัฐบาลใช้เพลงแร็ป แต่ก่อนหน้ารัฐบาลจีนก็ได้ปล่อยเพลงแร็ป โฆษณาชวนเชื่อที่ชื่อว่า ‘Chinese dream’ ออกมา ทั้งปีที่ผ่านมา ยังมีการเปิดตัววิดีโอแร็ปอนิเมชั่น ถึงการประชุมสองสภาด้วย
ซึ่ง Florian Schneider อาจารย์อาวุโสผู้ศึกษาเรื่องการสื่อสารทางการเมืองในจีน ของมหาวิทยาลัย Leiden ระบุว่า “วิดีโอล่าสุดเป็นส่วนหนึ่งของกระแสฮิปเปอร์ เพื่อให้เนื้อหาสำหรับคนรุ่นใหม่ปรากฎมากขึ้น ในปัจจุบัน” และตั้งแต่สี จิ้นผิงเข้ามามีอำนาจ “ระบบโฆษณาชวนเชื่อของจีนได้ทำงานใกล้ชิดกับโฆษณาและผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างเนื้อหาที่พวกเขาหวังว่าจะไวรัลในออนไลน์”
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER