หลังจากตัวอย่างแรกของ Star Wars: Episode IX ถูกปล่อยออกมา หนึ่งในประเด็นที่พูดถึงมากๆ คือ ‘เสียงหัวเราะ’ ในความมืดจากตัวอย่างแรก ที่น่าจะทำให้ใครหลายคนนึกถึงภาพของ ‘จักรพรรดิพัลพาทีน’ อดีตผู้นำด้านมืดและผู้บงการอำนาจในกาแล็กซี่ของ Star Wars ได้ไม่น้อย
เมื่อพูดถึง จักพรรดิพัลพาทีน หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือเส้นทางสู่อำนาจปกครองกาแล็กซี่ ซึ่งสะท้อนได้ถึงการเล่นเกมทางการเมือง และการรู้ถึงด้านมืดของการใช้อำนาจได้เหมือนกัน
(หลังจากนี้จะมีสปอยล์เนื้อหาในหลาย Episode ที่ผ่านมานะ)
พัลพาทีน เริ่มต้นให้เราเห็นในบทบาทของ วุฒิสมาชิกแห่งนาบู ซึ่งทำงานอย่างแข็งขันในสภา เขาชักชวนให้ราชินีอมิดาลาแห่งนาบู เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจสมุหนายก วาโลรั่ม ซึ่งถูกมองว่าค่อนข้างเฉื่อยชา ก่อนที่สภาจะถอดถอนวาโลรั่ม และให้พัลพาทีนขึ้นเป็นสมุหนายกคนใหม่
ในช่วงที่พัลพาทีนเป็นผู้นำในสภา เขาค่อนข้างได้รับความนิยามจากเหล่าสมาชิก แต่ถึงอย่างนั้น พัลพาทีนคือนักการเมืองที่เล่นบทบาท 2 หน้าเสมอมา ในทางหนึ่งเขาคือผู้นำในสภาตามแบบประชาธิปไตย แต่ในอีกเวลา เขาคือ ‘ซิธลอร์ด’ ผู้อยู่เบื้องหลังฝ่ายโค้นล้มสาธารณรัฐ
พัลพาทีน ใช้อำนาจที่มีอยู่สร้างเรื่องราวมากมาย จนกลายเป็นสงครามโคลน ระหว่างฝ่ายสาธารณรัฐ (ที่มีเจไดอยู่ด้วย) กับ ฝ่ายที่ต้องการโค้นล้มสาธารณรัฐ
ช่วงที่สงครามเกิดขึ้น พัลพาทีนขายภาพลักษณ์ต่อสภาว่า เขาคือผู้นำที่ต้องการปกป้องและรักสาธารณรัฐอย่างจริงจัง และพร้อมนำทุกคนเอาชนะสงครามจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นให้ได้
เมื่อได้รับความไว้วางใจจากสภาเป็นอย่างมาก มันจึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก ที่เขาจะสามารถชักจูงความเห็นในสภาให้สนับสนุนสิ่งต่างๆ ที่เขาต้องการได้ ในเวลาเดียวกัน ในฐานะของซิธลอร์ด เขาก็ได้ใช้กองกำลังคอยบั่นทอนความเข้มแข็งของสาธารณรัฐอยู่เรื่อยๆ ทั้งหมดนี้เพื่อให้เห็นว่า การมีอยู่ของเขาในสภาคือสิ่งที่จำเป็นจริงๆ
ในบางจุดของสงคราม พัลพาทีน อยู่เบื้องหลังทั้งการทำให้กองกำลังฝ่ายต้านสาธารณรัฐอ่อนแอ และทำให้ฝ่ายสาธารณรัฐกลับมาเข้มแข็งขึ้น จังหวะเหล่านี้อยู่ใต้การชักใยของพัลพาทีนทั้งหมด
เมื่อถึงจังหวะที่เขาเห็นว่าเหมาะสม ทั้งสถานการณ์ในสงคราม และความนิยมในสภา พัลพาทีนจึงได้ออกคำสั่ง 66 ให้ทหารโคลนกวาดล้างเจไดให้หมดไป (เขาอ้างว่าเจไดเป็นฝ่ายทรยศ)
หลังจากนั้น เมื่อสาธารณรัฐเอาชนะสงครามโคลนได้แล้ว และฝ่ายเจไดที่น่าจะเป็นภัยของเขาได้ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก พัลพาทีนที่ตอนนี้มือขึ้นสุดๆ จึงได้ประกาศเปลี่ยนแปลงสาธารณรัฐ เป็นระบอบจักรวรรดิ โดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคงของสังคม ส่งผลให้เขากุมอำนาจทางทหารได้อย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงอำนาจการตัดสินใจที่ถูกรวบไว้ที่ตัวเอง
ระบอบจักรวรรดิที่ปกครองด้วยเผด็จการจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และความกลัวก็ได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งกาแล็กซี่ นี่คือเส้นทางการขึ้นสู่อำนาจ ของตัวละครใน Star Wars ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง
อ้างอิงจาก
https://www.quora.com/How-did-Chancellor-Palpatine-come-to-power
http://www.starwars.siligon.com/swpalpa.html
https://www.polygon.com/2019/4/12/18308021/star-wars-rise-of-skywalker-emperor-palpatine-episode-9
https://www.huffpost.com/entry/star-wars-is-more-political-than-you-think_b_590b663de4b056aa2363d298
#Brief #TheMATTER