การฉีดวัคซีน ป้องกันโรคแต่วัยเด็ก เป็นสิ่งที่เด็กหลายคนต้องได้รับเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ทั้งอีสุกอีใส หรือหัด ซึ่งช่วงที่ผ่านมา กลับมีการเผยแพร่ข่าวลือต่างๆ ว่าอาจมีโอกาสทำให้เด็กเรียนรู้ช้า เสี่ยงเป็นออทิสซึม พิการ หรือเสียชีวิต จนทำให้มีพ่อแม่หลายคน ไม่ยอมพาลูกไปรับวัคซีนเลยด้วย
แต่ในประเทศเยอรมนี กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาประกาศว่า พ่อแม่ที่ไม่พาลูกไปฉีดป้องกันโรคหัด อาจต้องเสียค่าปรับสูงถึง 2,500 ยูโร (เกือบ 9 หมื่นบาท) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายจากกระทรวงสาธารณสุข โดยข้อเสนอกฎหมายนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความกลัวและต่อต้านวัคซีนในทั่วโลก ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วในอเมริกา ยุโรป ไปจนถึงในเอเชีย และแอฟริกา
Jens Spahn รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ของประเทศว่า “ฉันต้องการกำจัดโรคหัด” และ “ใครก็ตามที่ไปโรงเรียนอนุบาลหรือโรงเรียนควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด” ทั้งเขายังกล่าวเสริมว่าผู้ปกครองจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน หรือไม่อาจต้องเสียค่าปรับ และถูกกีดกันจากสถานรับเลี้ยง
การเสนอข้อกฎหมายนี้ เกิดขึ้นเนื่องจาก การรายงานว่าเยอรมนีกลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้ป่วยโรคหัดมากที่สุดในยุโรป โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหภาพยุโรป (ECDC) รายงานว่าระหว่างเดือนมีนาคม 2018 – กุมภาพันธ์ ปีนี้ มีจำนวนผู้ป่วยถึง 651 คน
ทั้งผลการศึกษาล่าสุดขององค์กร Unicef ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ยังพบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัดถึง 110,000 คนทั่วโลกในปี 2017 ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาถึง 22% และส่วนใหญ่ในจำนวนผู้เสียชีวิตยังเป็นเด็กด้วย รายงานนี้ ยังสรุปว่าการเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการที่เด็ก 20 ล้านคนต่อปีขาดการได้รับวัคซีนเข็มแรก โดยผู้เชี่ยวชาญ กล่าวโทษว่า เป็นเพราะการเพิ่มขึ้นของการให้ข้อมูลที่ผิด เกี่ยวกับไวรัสและวัคซีนที่ทำให้ผู้ปกครองบางคนปฏิเสธที่จะให้วัคซีนเด็ก
เยอรมนีไม่ใช่ประเทศแรกที่มีการเสนอค่าปรับสำหรับเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เมื่อเดือนที่แล้ว นิวยอร์กเองก็ประกาศว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือไม่มีหลักฐานของภูมิคุ้มกันอาจถูกปรับ 1,000 เหรียญ
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER