ทุกวันนี้ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากขึ้น แล้วถ้าวันหนึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถแสดงอารมณ์ หรือมีความรู้สึกขึ้นมา เราควรจะปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไรนะ?
ในยุคที่หน่วยงานเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างๆ ของโลกกำลังตั้งใจค้นคว้าเกี่ยวกับ AI กันถ้วนหน้า จนคาดกันว่าเร็วๆ นี้ เราอาจจะได้พบกับ AI ที่มีความรู้ความเข้าใจที่ซับซ้อนมากพอๆ กับสัตว์อย่างหนูหรือสุนัข คราวนี้ก็เกิดคำถามขึ้นว่า AI ควรได้รับการคุ้มครองตามหลักจริยธรรมแบบเดียวกับที่สัตว์ได้รับด้วยเงื่อนไขใดบ้าง
John Basl ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านปรัชญา จาก Northeastern University เห็นว่า AI หรือเครื่องจักรกลอัจฉริยะ ควรได้รับการคุ้มครองโดยหลักจริยธรรม เหมือนกับสัตว์ที่ถูกใช้ในการทดลอง เขาบอกว่าเราสร้างจักรกลที่มีสติปัญญาขึ้นมา และอาจทำให้มันเจ็บปวดโดยที่เราไม่รู้ตัว จึงต้องตีกรอบขึ้นมาใหม่เพื่อคุ้มครอง AI ไม่ให้ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมาน
Basl เสนอว่าควรรวบรวมคนมาเป็นคณะกรรมาธิการ แบบเดียวกับหน่วยงานคุ้มครองสัตว์ ประกอบไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ด้านความคิดความเข้าใจ นักออกแบบ AI นักปรัชญา และนักจริยธรรม เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับ AI และพวกเขาคาดว่าคณะกรรมาธิการแบบนี้แหละ ที่ควรจะมาตัดสินการวิจัย AI ทั้งหมดที่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเกิดคำถามอีกว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกัน ว่าจักรกลที่เราสร้างขึ้นมา มันสามารถรู้สึกมีความสุขและเจ็บปวดได้หรือเปล่า โดยเฉพาะชนิดที่แสดงอารมณ์ให้พวกเราเห็นไม่ได้ Basl บอกว่านั่นเป็นเพราะวงการวิทยาศาสตร์ยังมีความเห็นต่างกันในนิยามของคำว่า ‘การมีสติอยู่’ และอธิบายว่าถ้ามองจากมุมเสรีนิยม สิ่งนั้นต้องมีการประมวลผลข้อมูลที่เป็นระบบระเบียบ ส่วนถ้าจะมองแบบอนุรักษ์นิยม สิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติทางชีวภาพ อย่างสมองในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ถึงจะเรียกว่ามีสติอยู่ได้
Basl บอกว่ายังตัดสินอะไรไม่ได้ในตอนนี้หรอก แต่ถ้าเรามองแบบเสรีนิยม AI ที่มีคุณสมบัติข้างต้นก็คงจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ และควรได้รับการคุ้มครอง
น่าคิดต่อไปเหมือนกันนะ ว่าถ้า AI ได้รับการคุ้มครองแบบเดียวกับสัตว์ที่ใช้ในการทดลอง พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
อ้างอิงจาก
https://phys.org/news/2019-05-artificial-intelligence-ethical-animals.html
#Brief #TheMATTER