หลายๆ ครั้ง คนรุ่นใหม่อาจถูกมองจากผู้ใหญ่ว่าหลงตัวเองจนเกินไป แต่เอาเข้าจริงๆ มันอาจเกิดจากการเหมารวม โดยที่พวกเขาไม่เคยได้ออกมาอธิบายอะไรเลยหรือเปล่า?
งานวิจัยโดย Josh Grubbs ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Bowling Green State University พบว่าคนในช่วงอายุ 18 ถึง 25 ปี ยอมรับว่าช่วงอายุของตนเองมีความหลงตัวเอง และมีสิทธิในชีวิตตัวเองมากที่สุด พวกเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
การวิจัยเริ่มต้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ทีมวิจัยได้ออกไปถามนักศึกษามหาวิทยาลัยเป็นร้อยคน ว่าด้วยเรื่องของบุคลิก การถูกเหมารวมของช่วงวัย และความคิดเห็นต่อเรื่องความหลงตัวเองกับสิทธิในชีวิต ที่เป็นสิ่งที่คนตีตราให้กับช่วงวัยของพวกเขา นอกจากนี้ยังดูเรื่องปฏิกิริยาการตอบโต้ ต่อการถูกตีตราว่า อ่อนไหวมากไป ถูกกระทบกระทั่งง่าย หลงตัวเอง และคิดว่ามีสิทธิในชีวิตมาก
ผลที่น่าตกใจก็คือ เด็กๆ เหล่านั้นดูจะยอมรับแต่โดยดี ไม่ได้ตั้งคำถามหรือแย้งอะไรเลย และจากที่ทำวิจัยมา คนวัยนี้ไม่ได้หลงตัวเองไปเสียทุกคน พวกเขาส่วนมากไม่สบายใจที่ถูกมองว่าเป็นแบบนี้ และถึงแม้ทีมวิจัยจะอธิบายความหลงตัวเองในด้านดีให้พวกเขาฟัง แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกได้เลย ชี้ให้เห็นว่าคนวัยนี้ก็ไม่ได้หลงตัวเองทุกคน
Grubbs อธิบายว่าการตีตราเรื่องความหลงตัวเองให้กับคนรุ่นนี้ มันไม่ถูกต้อง เพราะมันเกิดจากการเหมารวม การถูกตีความผ่านสื่อ และข้อมูลในอดีตจากนักจิตวิทยา สื่อต่างๆ ก็นำเสนอแต่ผลจากข้อมูลด้านเดียว ไม่มีข้อมูลอีกด้านที่โต้แย้งเลย ทุกอย่างเลยออกจะดูเกินจริงไปหมด เรื่องนี้ถกเถียงกันมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะไปถามกลุ่มคนที่ถูกตีตราเลย ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกันบ้าง
ต้นตอของแนวคิดที่ว่า อาจมาจากเรื่องพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะนิสัยชอบลงรูปตัวเองในโซเชียล เคยมีงานวิจัยจาก The Open Psychology Journal เปิดเผยว่า คนที่ลงรูปหรือเซลฟีลงโซเชียลเยอะๆ เฉลี่ยแล้วหลงตัวเองมากขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 4 เดือนของการร่วมทดสอบ พร้อมอธิบายว่าโซเชียลมีเดีย มีการแสดงยอดไลก์ ยอดชม ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าได้ถูกเห็น ลามไปสู่นิสัยชอบเรียกร้องความสนใจ และความมั่นใจที่สูงเกิน
จริงอยู่นะ ที่สมัยนี้คนรุ่นใหม่ใช้โซเชียลกันเยอะมากๆ แต่การไปตีตราว่าพวกเขาทุกคนเป็นคนหลงตัวเองก็อาจไม่ใช่เรื่องถูกต้องเสมอไปเนอะ
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2019/05/15/science/narcissism-teenagers.html
https://www.medicalnewstoday.com/articles/323830.php
#Brief #TheMATTER