วันนี้ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า เหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลายจุดใน กทม. วันนี้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘คนกลุ่มเดิมๆ’ และรูปแบบคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2549
เพื่อที่จะเข้าใจคำกล่าวนี้ของ พล.อ.อภิรัชต์ The MATTER ขอพาทุกคนย้อนกลับไปสำรวจเหตุความวุ่นวายใน กทม. เมื่อปี 2549 ที่สร้างความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ รวมถึงมีผู้เสียชีวิต
เหตุระเบิดปี 2549 ที่เราชวนไปดูกันนี้ เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 โดยมีจุดที่เกิดความรุนแรงขึ้นรวมทั้งหมด 8 จุดมีทั้งใน กทม. และจังหวัดนนทบุรี
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นตอนช่วงเย็น (ราวๆ 17.50 น.) ของวันที่ 31 ธันวาคม 2549 มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นที่ตู้ควบคุมสัญญาณจราจร บริเวณสี่แยกสะพานควาย เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนโลหะ เศษตะปู รวมถึงชิ้นส่วนนาฬิกาที่ต่อวงจรเอาไว้ เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน
เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นประมาณ 18.10 น. คราวนี้เป็นระเบิดที่ถังขยะพลาสติก ที่ป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 2 ราย เจ้าหน้าที่พบวัตถุชิ้นส่วนนาฬิกาและวัตถุต่อวงจรในที่เกิดเหตุ
จากนั้นอีก 5 นาที เหตุระเบิดก็เกิดขึ้นอีกที่บริเวณใกล้ๆ กับศาลเจ้าที่แยก ณ ระนอง เขตคลองเตย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้นเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และมีเด็กนักเรียนวัย 10 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยังพบวัตถุพยานเป็นทั้งชิ้นส่วนนาฬิกา ตะปู และอุปกรณ์ต่อวงจร
นอกจาก 3 จุดนี้ ยังมีเหตุระเบิดทั้งที่ห้างซีคอนสแควร์ เขตประเวศ, ป้อมตำรวจ ซอยสุขุมวิท 62, ห้างเมเจอร์รัชโยธิน รวมถึงแยกแคราย จังหวัดนนทบุรี
โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า เหตุครั้งนั้นในหลายจุดผู้ก่อเหตุใช้ ‘ระเบิดแสวงเครื่องแรงดันสูง’ โดยจุดชนวนด้วยถ่านไฟฉาย และตั้งเวลาด้วยนาฬิกาปลุก
หลังจากเกิดเหตุขึ้น ข่าวนี้ได้ถูกนำเสนอโดยสำนักข่าวต่างชาติหลายแห่ง BBC รายงานถึงความเห็นของ นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วุ่นวาย คือกลุ่มอำนาจเก่าที่เสียอำนาจไป
รายงานของ BBC เขียนไว้ถึงคำพูดของอดีตนายกฯ ว่า
“Mr Surayud said on New Year’s Day that intelligence agencies had suggested the blasts were the work of “groups that have lost political powers”
“These were not just the previous government, but include all those which have lost power in the past. We could not at this stage pinpoint which particular group was involved,” he said”
ใจความสรุปที่ BBC รายงานคำพูดอดีตนายกฯ คือ เหตุระเบิดน่าจะเกิดขึ้นจากคนที่สูญเสียอำนาจไป แต่ในเวลานั้นที่ให้สัมภาษณ์ก็ยังไม่สามารถชี้เป้าเจาะจงไปได้ว่ากลุ่มใดเป็นคนทำ
หลังจากเกิดเหตุก็มีการสอบสวนกันสักพักใหญ่ๆ มีความเห็นที่วิเคราะห์กันอยู่อย่างน้อย 2 แนวทาง แนวทางแรกคือมองว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริบทการเมืองไทยหลังจากเหตุรัฐประหารปี 2549 และกลุ่มคนที่เสียอำนาจทางการเมืองไปอาจอยู่เบื้องหลัง
โพสต์ทูเดย์ รายงานอีกด้วยว่า อย่างไรก็ดี พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ยอมรับว่าในภายหลังว่า การพูดถึงกลุ่มอำนาจเก่านั้น เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์ด้านข่าวกรองเท่านั้น แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว
ขณะที่การวิเคราะห์อีกทางหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อมโยงกับความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะข้อมูลจากการสืบสวนที่พบการใช้เทคนิคการสร้างระเบิด และใช้วัสดุบางชนิดที่คล้ายกับกลุ่มที่ก่อความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ (แต่ก็ยังมีบทวิเคราะห์ที่บอกว่า กลุ่มก่อความไม่สงบที่ภาคใต้นั้น อาจยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้ามาปฏิบัติการรุนแรงใน กทม. ได้)
เหตุระเบิดครั้งนั้น นับเป็นความรุนแรงที่ใหญ่สุดครั้งหนึ่งในเมืองหลวง และได้เกิดข้อถกเถียง รวมถึงการอ้างอิงถึงกลุ่มอำนาจเก่าทางการเมือง แต่สุดท้ายข่าวก็ยังไม่ชัดเจนว่า ใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังกันแน่
ตัดภาพกลับมาที่เหตุวุ่นวายใน กทม. วันนี้ก็มีการอ้างอิงถึงเหตุปี 2549 อีกทีหนึ่ง และจนถึงตอนนี้ เราก็ลุ้นและเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่สอบสวน เพื่อให้ค้นพบว่า ใครคือตัวการที่แท้จริงด้วยเช่นกัน
.
ขอบคุณภาพประกอบจากไทยรัฐ : https://www.thairath.co.th/content/519135
อ้างอิงจาก
https://www.thairath.co.th/content/519135
https://www.posttoday.com/politic/report/382686
http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/6222013.stm
https://www.voicetv.co.th/read/VcE8wln3Z
#Brief #TheMATTER