ตั้งแต่เปิดปี 2019 มา ประเทศสหรัฐฯ ได้ประสบเหตุกราดยิงจำนวนมาก โดยเฉพาะในที่สาธารณะต่างๆ และสถานศึกษา เกิดเป็นความกังวลว่านักเรียน นักศึกษา หรือคนทั่วไป จะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร ยามต้องไปข้างนอก จนยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ป้องกันตัว อย่างเป้กันกระสุนพุ่งสูงขึ้น
จากที่มีรายงานเหตุสะเทือนขวัญจำนวนมากในสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังจากเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมที่ปาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา เมื่อปีที่แล้ว ความต้องการของกระเป๋าเป้กันกระสุนได้พุ่งสูงขึ้น แม้จะมีราคาสูงถึง 100-500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 3,000-15,000 บาท
สินค้าประเภทนี้อาจฟังดูเหมือนเกินความจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่มันมีอยู่จริงๆ หลายยี่ห้อเลย และยังขายดีมากจนเอาของมาขายแทบจะไม่ทันในบางช่วง สินค้าหมดไปหลายรอบแล้วในปีนี้ และยอดขายกลับมาสูงอีกครั้งหลังเหตุกราดยิงในเท็กซัสและโอไฮโอในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“โดยปกติเราจะขายได้ 100 ชิ้นต่อเดือน แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เราขายไปแล้วกว่า 300 ชิ้น” Roman Zrazhevskiy เจ้าของเว็บไซต์ ReadyToGoSurvival.com ที่ขายสินค้าสำหรับการเอาชีวิตรอด กล่าว
หนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลักคือเด็กนักเรียนและนักศึกษา เพราะเหตุกราดยิงในบางครั้งก็เกิดขึ้นในพื้นที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย โดยกระเป๋าเป้กันกระสุนนี้มีดีไซน์แบบกระเป๋าเป้ทั่วไปเลย ใช้ได้ปกติในชีวิตประจำวัน แลกมากับน้ำหนักที่มากขึ้นเพียงเล็กน้อย และยอดขายมักขึ้นสูงในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมด้วย
ผู้ผลิตอีกเจ้าอย่าง ArmorMe ยังได้สนับสนุนให้ผู้ปกครองฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดยามเกิดเหตุกราดยิงให้กับลูกๆ โดยใช้กระเป๋าเป้กันกระสุนเป็นโล่กำบัง เพราะกระเป๋ายี่ห้อนี้สามารถกางออกมาเป็นโล่ที่ใหญ่ขึ้นได้ เพื่อช่วยป้องกันตัวเองจากมีดแทง กระสุน หรืออาวุธที่ไม่รุนแรงมาก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่ากระเป๋าเป้กันกระสุนนี้ สามารถปกป้องให้รอดชีวิตได้ในเหตุการณ์จริง เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์จริงอาจมีปัจจัยอื่นอีก บางส่วนก็มองว่าอาจเป็นเรื่องของการตลาดเสียมากกว่า
เรื่องนี้ไม่ได้แค่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมในสินค้า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้คนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่สงบในสังคม ซึ่งการมีอุปกรณ์ป้องกันตัวย่อมเป็นสิ่งทีดี แต่ก็ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER