ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ได้เกิดเหตุการณ์ลาวาปะทุออกมาจากภูเขาไฟตาอัลที่อยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา หลังจากที่ฝุ่นและไอน้ำได้ลอยขึ้นมาจากภูเขา
ตอนนี้ยังไม่มีการรายงานเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตและความเสียหายที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟตาอัล แต่เมฆฝุ่นได้กระจายไปทางตอนเหนือเป็นระยะทางไกลกว่า 100 กม. จนถึงกรุงมะนิลา ทำให้สนามบินหลักของประเทศฟิลิปปินส์ต้องปิด และเที่ยวบินทั้งในประเทศและต่างประเทศต้องถูกยกเลิก
ตำรวจรายงานว่าชาวบ้านประมาณ 13,000 คน ถูกเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์อพยพ 38 แห่งที่อยู่ในจังหวัดบาตังกัส และที่อยู่ใกล้กับจังหวัดคาบีเต แต่ทางการคาดว่าจะมีจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
สำนักงานทางการขององค์การสหประชาชาติสำหรับการประสานงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ (OCHA) ประเมินว่ามีคนมากกว่า 450,000 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากพื้นที่อันตรายของภูเขาไฟ 14 กม.
ในรอบ 500 ปีที่ผ่านมาภูเขาไฟตาอัลได้เกิดการปะทุมากกว่า 30 ครั้ง โดยการปะทุครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1977 ซึ่งทำให้มีผู้ล้มป่วยจำนวนมากจากฝุ่นขี้เถ้าที่ออกมาจากภูเขาไฟ
สถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาของประเทศฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาลที่มอนิเตอร์เรื่องภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศ ได้เพิ่มระดับความอันตรายของภูเขาไฟตาอัลขึ้นเป็นระดับ 4 ซึ่งหมายถึง จวนจะระเบิดอย่างรุนแรง( hazardous eruption) ส่วนระดับ 5 หมายถึง การระเบิดอย่างรุนแรงกำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะกระทบกับพื้นที่ขนาดใหญ่ และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจต้องมีการอพยพคนออกจากพื้นที่
ก่อนหน้านี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในภูมิภาคตาอัล 75 ครั้ง ซึ่งในการวัดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น 32 ครั้งถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 2 (Ranking II) หรือมากกว่า
อย่างไรก็ตามชาวฟิลิปปินส์ยังไม่รอดพ้นจากภัยพิบัติ มาเรีย แอนโทเนีย บอร์นส์ (Maria Antonia Bornas) หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ ของ PHIVOLCS กล่าวว่า“เราค้นพบว่าแมกมายังคงอยู่ลึก และยังไม่ขึ้นมาถึงผิวดิน การระเบิดอย่างรุนแรงยังคงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-51086961
#Brief #TheMATTER