ตอนนี้หลายประเทศประสบกับภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย และเริ่มมีการออกมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวแล้ว อย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 สูง
1.) ในการรับมือกับปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย จีนได้มีออกมาตรการต่างๆ เพื่อให้การผลิตหน้ากากอนามัยราบรื่น และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี ในขณะที่บางธุรกิจได้หันมาผลิตอุปกรณ์ป้องกันที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งทำให้ยอดการผลิตหน้ากากอนามัยต่อวันของจีน เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สำนักข่าวซินฮัวรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ได้เผยข้อมูล ยอดการผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศจีนของวันที่ 2 มี.ค. อยู่ที่ 116 ล้านชิ้นต่อวัน จากที่ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโคโรนาผลิตได้ราว 20 ล้านชิ้้นต่อวัน
2.) ด้านเกาหลีใต้ รัฐบาลได้มีมาตรการลดการส่งออกหน้ากากอนามัยอย่างเข้มงวด โดยให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยต่ำกว่า 10% ของสินค้าหน้ากากอนามัยทั้งหมด นอกจากนี้เกินครึ่งของหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ทั้งหมด
ซึ่งเป้าหมายของมาตรการนี้ ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ ต้องการให้ 90% ของผลผลิตหน้ากากอนามัยทั้งหมด ถูกจัดสรรให้กับคนภายในประเทศ โดยบริษัทผลิตหน้ากากอนามัยทั่วประเทศเกาหลีใต้ มีราว 140 แห่ง สามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้รวมกันราว 10 ล้านชิ้นต่อวัน มาตรการนี้จะทำให้หน้ากาก 9 ล้านชิ้นถูกจัดจำหน่ายให้กับคนภายในประเทศ
3.) สำหรับประเทศญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีมาตรการสร้างคลังเก็บอุปกรณ์ป้องกันระดับชาติ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผลิตหน้ากากอนามัยที่มากเกินไป หลังจากที่ได้ขอให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย
ที่มาของมาตรการนี้ คือ แม้ว่าทางผู้ประกอบการได้เริ่มผลิตหน้ากากอนามัยแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อต่อสู้กับภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย แต่ผู้ผลิตรายย่อยบางคนก็มีความกังวลว่า พวกเขาจะขายหน้ากากอนามัยได้น้อยกว่าที่ผลิตออกมา
4.) ส่วนประเทศไทยที่ก็ประสบกับภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชน เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา สมาคมโรงพยาบาลเอกชน
ได้มีหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข เรื่องวิกฤติการขาดแคลนหน้ากากอนามัย จากการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19
สำหรับประเทศได้มีการประชุมระหว่างกรมการค้าภายใน และ12 บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เมื่อต้นเดือนที่แล้ว และได้มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขภาวะหน้ากากอนามัยขาดตลาด เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยขึ้น 10 – 20%, ประชาชนซื้อได้ไม่เกิน 10 ชิ้นต่อครั้ง, รณรงค์ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสโรคใส่หน้ากากผ้า เช่น พนักงานออฟฟิศ รวมไปถึงการลงโทษคนกักตุนสินค้าจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังมีมาตรการห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังต่างประเทศ และได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ 2 กรณี ได้แก่
– นำไปใช้ส่วนตัวในต่างประเทศได้ไม่เกิน 30 ชิ้น ส่วนคนป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ได้ไม่เกิน 50 ชิ้น
– หากมีความจำเป็นต้องส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขออนุญาตส่งออกในจำนวนที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม เรื่องความจำเป็นในการให้คนทั่วไปใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มบอกว่าการใส่หน้ากากอนามัยอาจไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ควรใส่แค่เวลาป่วยเท่านั้น และแนะนำให้เน้นที่การล้างมือดีกว่า ในขณะที่บางฝ่ายก็บอกว่า ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาไปเจอกับผู้คนจำนวนมากอยู่ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส
อ้างอิงจาก
https://gisanddata.maps.arcgis.com/apps/opsdashboard/index.htm
http://www.china.org.cn/business/2020-02/27/content_75751062.htm
http://www.xinhuanet.com/english/2020-03/02/c_138835152.htm
https://news.ch7.com/detail/398035
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/865354
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867303
#Brief #TheMATTER