โรงเรียนจะเปลี่ยนไปแค่ไหนหลัง COVID-19? ช่วงนี้หลายประเทศเริ่มคลายล็อคมาตรการต่างๆ กันมากขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับหลายโรงเรียนในประเทศจีนที่กลับมาเปิดสอน พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน
East China Normal University คือหนึ่งในโรงเรียนที่กลับมาเปิดแล้ว และมีเด็กนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่กลับมาเข้าห้องเรียน และใช้ชีวิตร่วมกับครูและเพื่อนๆ กันอีกครั้ง
สิ่งที่เปลี่ยนไปมีหลายอย่าง ตั้งแต่ ทางเข้าของโรงเรียนที่นักเรียนต้องผ่านอุโมงค์ที่มีเครื่องเซ็นเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกาย ครูที่ยืนต้อนรับที่หน้าประตู จะคอยส่งเสียงเตือนเด็กๆ อยู่ตลอดว่า ทุกคนต้องรักษาระยะห่างกับเพื่อนๆ อยู่เสมอ
เมื่อมาถึงในห้องเรียน รูปแบบการใช้ชีวิตของนักเรียนก็เปลี่ยนไป แต่ละคนจะต้องนั่งเรียนกันโดยมีระยะห่าง จากเดิมที่นักเรียนจะมีเพื่อนหนึ่งคนคอยนั่งข้างๆ ส่วนที่ข้างๆ ห้องเรียนก็จะมีเจลล้างมือเตรียมไว้ให้ทุกคนใช้
เมื่อถึงเวลาพักทานข้าว นักเรียนทุกคนต้องล้างมือก่อนเข้าสู่โรงอาหาร และในโรงอาหารก็จะต้องนั่งห่างออกจากกัน ที่น่าสนใจคือ ทางโรงเรียนได้สร้างคอกกั้นขึ้นมาเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างนักเรียนแต่ละคน
ส่วนนักเรียนหลายคน บอกว่า พวกเขารู้สึกดีที่ได้กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง บางคนเล่ากับนักข่าวว่า การเรียนในโรงเรียนมันเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการศึกษามากกว่าอยู่ที่บ้าน
ด้านสำนักข่าวของทางการจีนอย่าง Global News รายงานว่า ภาครัฐได้กำหนดเกณฑ์เอาไว้ว่า นักเรียนแต่ละคนจะต้องได้รับการตรวจอุณหภูมิร่างกายอยู่เสมอๆ วันละอย่างน้อย 3 เวลา คือก่อนเข้าเรียน ระหว่างเรียน และหลังเลิกเรียน เพื่อสอดส่องดูแล และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ การกลับมาโรงเรียนอีกครั้งของนักเรียนในจีนสัปดาห์นี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ เพราะจากนี้ไปก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ราวๆ 2 เดือนเท่านั้นก่อนที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเริ่มต้นขึ้น
กรณีนี้ก็ทำให้เห็นถึงความพยายามจะสร้างข้อกำหนดใหม่ๆ ในโรงเรียนของจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ส่วนของไทยเราเองก็น่าจับตากันต่อไปเหมือนกันว่า แล้วโรงเรียนในไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ในการเปิดเทอมที่กำลังจะมาถึงนี้?
อ้างอิงจาก
https://www.shine.cn/news/metro/2004277036/
https://www.globaltimes.cn/content/1186905.shtml
#Brief #TheMATTER