ถูกพาดพิงว่ามีบทบาทสำคัญในการพลิกคดีวรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา แถมตัวประธานเองถูกมองว่า มีสายสัมพันธ์กับทนายความของผู้ต้องหาในคดีนี้
ล่าสุด อดีตคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ (กมธ.กฎหมาย) ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ จึงมอบหมายให้ ธานี อ่อนละเอียด อดีตเลขานุการของ กมธ.กฎหมาย ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง
The MATTER ขอสรุปสาระสำคัญไว้ดังนี้
1.) อำนาจหน้าที่ของ ‘กมธ.กฎหมาย’ ธานีชี้แจงว่า กลไกกรรมาธิการของสภามีหน้าที่หนึ่ง คือ รับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนจากประชาชน จากนั้นก็นำไปตรวจสอบ ค้นหา ศึกษาข้อเท็จจริง และส่งเรื่องต่อไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วหน่วยงานนั้นๆ จะแจ้งผลกลับมา แต่กรรมาธิการของสภา จะไม่มีหน้าที่ไปแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานอื่น
ยืนยันอีกครั้งว่า กมธ.กฎหมาย ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ไม่ใช่อัยการ ตำรวจ ป.ป.ช. หรือ กกต.ที่จะไปชี้ถูกชี้ผิดใคร
2.) กรณีของบอส อยู่วิทยา (ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ในปี 2555) มายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับ กมธ.กฎหมาย สนช. ในเดือนพฤษภาคมปี 2559 เพราะเขาอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการที่ยื่นขอให้พนักงานอัยการขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานบางปากเพิ่มเติม รวมถึงวัดความเร็วรถยนต์ใหม่ แต่พนักงานอัยการไม่ทำตาม
3.) หลังได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว กมธ.กฎหมาย ก็ส่งเรื่องให้ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของ สนช.กลั่นกรอง เมื่อพบว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กมธ.กฎหมาย จึงเรียกประจักษ์พยาน 2 ปาก พยานแวดล้อม 2 ปาก ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงตำรวจ เข้ามาให้ข้อมูล
4.) ประจักษ์พยานบางปาก เมื่อเห็นเหตุการณ์ และพบว่าเป็นข่าวใหญ่ในช่วงเวลานั้น ก็คิดว่าไม่ค่อยอยากเข้ามายุ่ง กระทั่งเรื่องราวบานปลายจึงยอมมาให้ปากคำ (พยานรายนี้ให้ข้อมูลว่า ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ขัดรถจักรยานยนต์จากเลนซ้ายสุดไปขวาสุดตัดหน้ารถยนต์ของบอส อยู่วิทยา จนเกิดเหตุชนกัน)
5.) ส่วนพยานผู้เชี่ยวชาญ กมธ.กฎหมาย ได้ส่งเรื่องไปยังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขอให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบความเร็วรถยนต์ของบอส อยู่วิทยา ทางมหาวิทยาลัยนั้นก็ขอให้ อ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาช่วยตรวจสอบ โดยลงพื้นที่จริงและหาข้อมูลอย่างละเอียด จนพบว่ารถยนต์ของบอส อยู่วิทยา มีความเร็วราว 76 กิโลเมตร/ชั่วโมง
6.) ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่กลับคำให้การ จากเคยบอกว่า รถยนต์ของบอส อยู่วิทยา น่าจะวิ่งด้วยความเร็ว 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายหลังก็มายอมรับต่อหน้าผู้บังคับบัญชาว่าวัดผิด และเมื่อวัดใหม่ก็ได้ความเร็ว 79 กิโลเมตร/ชั่วโมง
7.) ส่วนสายสัมพันธ์ของ ‘สมัคร เชาวภานันท์’ ทนายความของบอส อยู่วิทยา ที่เคยทำงานร่วมกับ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร ใน กมธ.กฎหมาย สมัยวุฒิสภา (ระหว่างปี 2554-2557) ธานียืนยันว่า ทนายความที่มายื่นหนังสือชื่อ ‘ธนิต บัวเขียว’ ไม่ใช่สมัคร และตลอดระยะเวลาที่ กมธ.กฎหมาย ของสนช.ทำงาน (ระหว่างปี 2557-2562) ตนก็ไม่เคยเห็นสมัครแม้แต่ครั้งเดียว
8.) ธานียังขอให้สื่อมวลชนและประชาชนอย่าเพิ่งตัดสิน พิพากษาคดีนี้ไปล่วงหน้า อยากให้รอข้อเท็จจริงปรากฎทั้งหมดก่อน เช่น อัยการจะใช้เวลาทำงาน 7 วันก็จะได้ข้อมูลออกมาแล้ว
9.) เลขานุการ กมธ.กฎหมาย สนช.ยังยืนยันว่า ไม่ได้ช่วยเหลือบอส อยู่วิทยา เพราะไม่รู้จะช่วยไปทำไม และขออย่าโยงกับตระกูลวงษ์สุวรรณว่า ทำอะไรก็ผิดหมด “อย่าเหมารวม เพราะมันไม่เป็นธรรม”
10.) “การกระทำความผิดไม่เลือกวัย ไม่เลือกความจน ความรวย ทุกคนมีโอกาสทำความผิดกันหมด แต่ข้อเท็จจริงถ้าพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์” บางส่วนของคำชี้แจงของธานี ที่ยืนยันว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงของ กมธ.กฎหมาย ยึดหลักวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ
เขายังย้ำว่า รายงานสรุปการหาข้อเท็จจริงในคดีนี้ของ กมธ.กฎหมาย ไม่ได้ชี้ถูกผิด แค่หาข้อเท็จจริง และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาต่อเท่านั้น
– อ่านคำชี้แจงของ กมธ.กฎหมาย สนช.อย่างละเอียดได้ที่: https://siamrath.co.th/n/173081
– หรือถ้าจะดูคลิป: https://www.facebook.com/watch/live/?v=568195017184795
#Brief #TheMATTER