จากภาพระเบิดครั้งใหญ่ที่ถูกแชร์ว่อนในโลกโซเชียล กลายเป็นเชื้อเพลิงที่โหมให้ผู้คนออกมาชุมนุมประท้วงกันหนักยิ่งขึ้น พร้อมกับการปราบปรามจากเจ้าหน้าตำรวจ ซึ่งนับว่านี่เป็นวันที่ 3 แล้ว สำหรับการประท้วงต่อต้านรัฐบาลจากชาวเลบานอน
จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ท่าเรือของกรุงเบรุต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยท่าเรือดังกล่าวเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรตน้ำหนัก 2,750 ตัน แบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 158 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 6,000 ราย ตอกย้ำสภาพเศรษฐกิจของเลบานอนที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ผู้คนจำนวนมากจึงเดินประท้วงต่อต้านรัฐบาลเลบานอน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
การชุมนุมประท้วงรัฐบาลนี้ เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา และเมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม) มีรายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณทางเข้าอาคารรัฐสภาเลบานอน ขณะที่ กลุ่มผู้ประท้วงพยายามบุกเข้าไปยังด้านในของอาคารรัฐสภาและที่ทำการของกระทรวงขนส่ง แต่ตำรวจก็ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เพื่อสกัดผู้ชุมนุม
“พวกเขาเอาทุกอย่างไปจากฉัน ทั้งเงิน ทั้งความเยาว์วัย และตอนนี้พวกเขาก็กำลังฆ่าประชาชนของฉัน” ซานดร้า คูรี (Sandra Khoury) หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าว ขณะที่ผู้ประท้วงคนอื่นๆ ก็ออกมาแสดงความเกรี้ยวโกรธที่สั่งสมมาตั้งแต่สภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยกล่าวว่า “เราต้องการทำลายและกำจัดรัฐบาล พวกเขาทำให้เราไม่มีงาน และไม่ให้สิทธิกับเรา”
ขณะเดียวกัน มานัล อับเดล ซาหมัด (Manal Abdul Samad) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลของเลบานอน ประกาศลาออกเรียบร้อย หลังจากนั้น ดาเมียนอส คัตตาร์ (Damianos Kattar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ที่ออกมาประกาศลาออกด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีของเลบานอนกล่าวว่า เขาจะออกกฎหมายที่เสนอให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนด และเรียกร้องให้พรรคการเมืองละทิ้งความไม่ลงรอยกันไปก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งยังคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดไว้ 16 คน เพื่อสอบสวนเหตุการณ์นี้ และกองกำลังทหารก็ยังคงตามหาผู้รอดชีวิตจากเหตุระเบิดอยู่เช่นกัน
เหตุระเบิดในครั้งนี้ ทำให้ประเทศต่างๆ ประกาศส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาให้เลบานอนเป็นเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.3 กันล้านบาท) ทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมนี กาตาร์ คูเวต และไซปรัส โดยถูกส่งผ่านองค์กรสหประชาชาติ (UN) ตามที่ประชาชนชาวเลบานอนต้องการ เพราะกลัวว่าอาจเกิดการทุจริตได้
ผู้นำระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมผู้บริจาคเสมือนนำโดยฝรั่งเศสและสหประชาชาติในผลพวงของการระเบิดครั้งร้ายแรงที่ท่าเรือเบรุตโดยให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมซึ่งจะ “ส่งตรงถึงประชากรเลบานอน”
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER