ผลการสำรวจซึ่งได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature Communication พบว่า ลึกลงไปใต้มหาสมุทรแอตแลนติกอาจมีไมโครพลาสติกอยู่มากถึง 12-21 ล้านตัน หรือมากพอที่จะต้องใช้เรือขนส่งสินค้าประมาณ 1,000 ลำ เพื่อขนพลาสติกจำนวนนี้ออกไป
การสำรวจดังกล่าวนำโดยนักวิจัยจากศูนย์ศึกษาสมุทรศาสตร์แห่งสหราชอาณาจักร (UK National Oceanography Centre) ที่ได้ลองแล่นเรือจากชายฝั่งของสหราชอาณาจักรกับหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ แล้วหย่อนเครื่องมือตรวจสอบลงไปใต้ผิวน้ำ 200 เมตร ก่อนพบว่ามีไมโครพลาสติกผสมอยู่ในน้ำทะเลมากถึง 7,000 ชิ้นต่อลูกบาศก์เมตร
โดยพลาสติกส่วนใหญ่ที่พวกเขาค้นพบคือพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน, โพลีโพพีลีน และโพลีสไตรีน ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทที่มักถูกนำมาใช้ผลิตสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ชนิดโพลีเอทิลีนถูกนำมาใช้สำหรับขวดน้ำดื่ม ชนิดโพลีโพพีลีนสำหรับขวดยา และโพลีสไตรีนสำหรับถ้วย หรือจาน
ก่อนหน้านี้ ราวเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ก็พบว่า บริเวณที่มีไมโครพลาสติกจมอยู่หนาแน่นสูงที่สุดคือ บริเวณแอ่งใต้ทะเล Tyrrhenian ซึ่งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เนียน ใกล้ชายฝั่งของประเทศอิตาลี โดยพบว่ามีไมโครพลาสติกจมมากสุดถึง 1.9 ล้านชิ้นต่อหนึ่งตารางเมตร
ไมโครพลาสติกไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราเลย เพราะมันอาจปนเปื้อนอยู่ในอาหารทะเลที่เราทานอยู่ก็ได้ และถึงแม้ ผลกระทบของมันยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่มีการประเมินก้นว่าถ้ามนุษย์รับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายและไม่สามารถขับออกมาได้ อาจนำไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง รบกวนระดับฮอร์โมนและการทำงานของเส้นเลือด ตลอดจนนำพาสารพิษอื่นๆ เข้าสู่ร่างกาย
อ้างอิง
https://www.bbc.com/news/science-environment-53786555
https://www.bbc.com/news/science-environment-52489126
https://www.greenpeace.org/thailand/explore/resist/plastic/harm-plastic/
https://www.honestdocs.co/microplastic-effect-on-humans
#Brief #TheMATTER #โลกร้อน